แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่ารับเป็นฎีกาของโจทก์ ส่วนฎีกาฟ้องแย้งนั้นต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงไม่รับฎีกาฟ้องแย้ง
โจทก์เห็นว่า คดีนี้มีทุนทรัพย์ตามที่โจทก์ฟ้อง 564,455 บาท จำเลยได้ฟ้องแย้งมีทุนทรัพย์ 198,282.40 บาทเมื่อคำฟ้องของโจทก์และฟ้องแย้งเป็นเรื่องเดียวกัน ดังนั้นทุนทรัพย์ตามฟ้องและฟ้องแย้งจึงเป็นทุนทรัพย์เดียวกันเมื่อคดีมีทุนทรัพย์เกินกว่าสองแสนบาท โจทก์จึงมีสิทธิ ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ขอศาลได้โปรดมีคำสั่งรับฎีกา ของโจทก์ทั้งหมดรวมทั้งในส่วนฟ้องแย้งไว้ด้วย
หมายเหตุ จำเลยแถลงคัดค้าน (อันดับ 107)
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยส่งมอบแผ่นเหล็กจำนวน 263.3 ตันให้โจทก์ หรือใช้ราคาเป็นเงิน 2,396,030 บาท และค่าเสียหายจำนวน 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย อัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะได้รับชำระต้นเงิน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,696,030 บาท จำเลยให้การพร้อมฟ้องแย้ง และแก้ไขคำให้การกับฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ชำระค่าเสียหายให้จำเลยตามฟ้องแย้งจำนวน 198,282.80 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องแย้ง จนกว่าโจทก์จะชำระให้จำเลยเสร็จ ให้โจทก์ชำระค่าฝากเก็บเหล็กของโจทก์เดือนละ 10,146 บาท เป็นเวลาอีก 10 เดือนเป็นเงิน 101,460 บาท ให้แก่จำเลย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 98)
โจทก์ยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 101)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ทุนทรัพย์ฟ้องโจทก์ และทุนทรัพย์ฟ้องแย้งถือเป็นคนละคดีกัน เมื่อฟ้องแย้ง มีทุนทรัพย์ไม่เกินสองแสนบาทจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาฟ้องแย้งของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง