คำสั่งคำร้องที่ 1108/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า เป็นกรณีอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 242 จึงให้จำเลยนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ หรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายในกำหนด 10 วัน จำเลยเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 252 เมื่อจำเลย ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกาแล้ว ศาลชั้นต้นต้องส่งคำร้องของจำเลยไป ศาลฎีกาพร้อมกับฎีกาของจำเลยคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์รวมทั้งสำนวนความการที่ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยนำเงินตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หรือหาประกันให้ไว้ จึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติดังกล่าว โปรดกลับคำสั่งศาลชั้นต้นและมีคำสั่งให้ส่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับฎีกาของจำเลยไปศาลฎีกาด้วย
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 76)
จำเลยชำระค่าขึ้นศาลมา 200 บาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนว่า ให้จำเลยชำระเงินให้จำนวน 32,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยในปัญหาข้อเท็จจริงมิได้มีข้อโต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ส่วนในปัญหาข้อกฎหมายก็ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยจึงไม่รับฎีกา (อันดับ 62)
จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว(อันดับ 64)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 72)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว กรณีที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาไม่ว่าเพราะเหตุใด หากผู้ฎีกาไม่พอใจ และประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป ก็ต้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นต่อศาลฎีกา ซึ่งผู้ฎีกาจะต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่ง มาตรา 234 ประกอบด้วยมาตรา 247 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งโดยนอกจากจะต้องยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลชั้นต้นและนำเงิน ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางต่อศาลแล้วผู้ฎีกายังต้องนำเงินมาชำระ ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หรือหาประกันไว้ต่อศาลภายในเวลาที่ กฎหมายกำหนดไว้ด้วย ดังนี้ คำสั่งศาลชั้นต้นจึงชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share