แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยทั้งสามฎีกา คดีมีทางชนะ โปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 76)
คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 2ร่วมกันชำระเงินจำนวน 58,000 บาทแก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีจากเงินต้นจำนวนดังกล่าวนับแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2530เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ แต่มิให้คิดดอกเบี้ยจนถึงวันฟ้อง(วันที่ 27 มิถุนายน 2530) เกินกว่า 15,950 บาท ตามที่โจทก์ขอถ้าจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ไม่ชำระหนี้จำนวนดังกล่าวแก่โจทก์ก็ให้จำเลยที่ 3 ชำระหนี้แทน จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งว่ารับเป็นอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสาม ให้จำเลยทั้งสามนำส่งใน 7 วันถ้าส่งไม่ได้ให้แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปใน 7 วัน นับแต่วันที่ส่งไม่ได้มิฉะนั้นถือว่าทิ้งอุทธรณ์ ต่อมาวันที่ 9 มกราคม 2533 ศาลได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ศาลว่าจำเลยทั้งสามไม่ได้ดำเนินการตามศาลสั่งศาลชั้นต้นสั่งให้ส่งศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิจารณาสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 2 เห็นว่า จำเลยทั้งสามทราบคำสั่งศาลชั้นต้นที่กำหนดให้จำเลยนำส่งสำเนาอุทธรณ์แก่โจทก์แล้ว จำเลยทั้งสามไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล เป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ประกอบด้วย มาตรา 246 ซึ่งถือว่าเป็นการทิ้งฟ้อง จึงให้จำหน่ายคดีของจำเลยทั้งสาม
จำเลยทั้งสามฎีกาพร้อมกับยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 72,71)
จำเลยทั้งสามยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์แต่ไม่ปรากฏคำสั่งของศาลอุทธรณ์ในสำนวนที่ส่งมาศาลฎีกา (อันดับ 51)
อนึ่ง โจทก์นำยึดที่ดิน น.ส.3 ก เลขที่ 807 ตำบลหนองแขมอำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก พร้อมสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินของจำเลยที่ 3 ไว้แล้ว (อันดับ 70)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ไม่มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้ทุเลาการบังคับให้ยกคำร้อง