แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยขอให้ศาลสั่งปล่อยชั่วคราวในระหว่างฎีกาโดยผู้ขอประกันได้เสนอบัญชีทรัพย์มาพร้อมคำร้องแล้ว
หมายเหตุ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานปลอมตั๋วเงินและใช้ตั๋วเงินปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 266,268 จำเลยเป็นผู้ปลอมเอกสารเอง จึงให้ลงโทษฐานใช้ตั๋วเงินปลอมแต่กระทงเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 จำเลยกระทำผิดในฐานนี้หลายกรรมต่างกัน จึงให้ลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป โดยให้จำคุกกระทงละ 3 ปี รวม 3 กระทง เป็นจำคุก 9 ปี การนำสืบของจำเลยซึ่งรับว่าเป็นผู้นำเช็คไปขึ้นเองทั้ง 3 ฉบับ เป็นการให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 6 ปี ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก จำเลยเป็นผู้ปลอมตั๋วเงินให้ลงตาม มาตรา268 วรรคสอง ให้ลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 1 ปี 6 เดือน รวม 3 กระทงเป็นจำคุก 4 ปี 6 เดือน ข้อนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลย 3 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา และยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 67,68)
จำเลยเคยยื่นคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างฎีกามาแล้วครั้งหนึ่ง ศาลฎีกามีคำสั่งยกคำร้อง (อันดับ 65)
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวโดยศาลอุทธรณ์ตีราคาประกัน 120,000 บาท (อันดับ 5,45 แผ่นที่ 6)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว สำหรับกระทงความผิดอันต้องห้ามฎีกาตามคำสั่งศาลชั้นต้น คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุด ซึ่งจำเลยจะต้องได้รับโทษตามนั้น จึงไม่มีเหตุที่จะอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างฎีกา ให้ยกคำร้อง