แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า คดีของจำเลยมีเหตุผลเพียงพอที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งให้เพิกถอนหรือเปลี่ยนแปลงคำสั่งที่ไม่รับฎีกาของจำเลยตามคำร้องของจำเลย ฉบับลงวันที่ 26 กันยายน2544 เพราะฎีกาของจำเลยเป็นการฎีกาคัดค้านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา ซึ่งการฎีกาคำสั่งดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งไม่มีบทบัญญัติใดกำหนดให้จำเลยต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมฎีกา และจำเลยได้ชำระค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาถูกต้องตามตารางท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งแล้ว จึงมีเหตุต้องเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมที่ไม่รับฎีกาของจำเลย โปรดมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งของศาลชั้นต้น โดยให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำร้องดังกล่าวของจำเลยใหม่ หรือมีคำสั่งใหม่ต่อไปตามรูปคดี
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ในวันนัดสืบพยานจำเลย ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตและให้งดสืบพยานจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 895,244.29 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 771,543.49 บาท นับแต่วันที่ 10 กรกฎาคม 2541 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ หากจำเลยไม่ชำระหนี้ หรือชำระหนี้ไม่ครบถ้วน ให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 4887 ตำบลลาดพร้าว อำเภอลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้แก่โจทก์จนครบหากได้เงินไม่พอชำระหนี้ ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกอุทธรณ์ของจำเลย เนื่องจากจำเลยไม่นำค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดแก่จำเลย ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยมิได้นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมฎีกา จึงไม่ชอบไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยยื่นคำร้องขอให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมและมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ยกคำร้อง (อันดับ 72)
จำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 73)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาวันที่ 17 กันยายน 2544 ต่อมาวันที่ 26 กันยายน 2544 จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมจากไม่รับฎีกาเป็นรับฎีกา วันเดียวกันศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง ต่อมาวันที่ 15 ตุลาคม2544 จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2544 ว่า กรณีมีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมเป็นรับฎีกา เห็นว่า อุทธรณ์คำสั่งของจำเลยดังกล่าว แม้อ้างว่าเป็นการอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมเป็นรับฎีกา แต่โดยเนื้อหาเป็นการอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกาของจำเลยนั่นเอง การอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกานั้น จำเลยต้องยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลชั้นต้นภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 234 ประกอบมาตรา 247 แต่คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาวันที่ 17 กันยายน2544 จำเลยยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2544 เป็นการยื่นเกินกว่าสิบห้าวัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา จึงไม่ชอบด้วยบทบัญญัติดังกล่าว
ให้ยกคำร้อง คืนค่าคำร้องส่วนที่เกิน 40 บาท แก่จำเลย