แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้นเป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการกำหนดโทษของศาลล่างอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง เมื่ออุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะโทษจากให้จำคุก 33 ปี 4 เดือน เป็นจำคุก 12 ปีซึ่งเป็นการแก้ไขเล็กน้อย และให้จำคุกจำเลยเกินห้าปี โจทก์จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 218 วรรคสองที่แก้ไขแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 91พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526มาตรา 4 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2590 มาตรา 7, 8 ทวิ,72, 72 ทวิ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 3, 6, 7 และริบของกลาง
จำเลยให้การว่า ฆ่าผู้ตายจริง แต่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ข้อหาอื่นขอให้การปฏิเสธ แต่หลังจากสืบพยานโจทก์เสร็จสิ้นแล้วจำเลยขอถอนคำให้การเดิมและกลับให้การใหม่ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิวรรคแรก, 72 ทวิ วรรคสอง ที่แก้ไขแล้ว เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันเรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 1 ปี ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ฐานฆ่าผู้อื่นเปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นจำคุกห้าสิบปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 53 คงจำคุก 33 ปี4 เดือน ฐานมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน จำคุก 6 เดือน ฐานพกพาอาวุธปืน จำคุก 3 เดือน รวมแล้วคงจำคุกจำเลย 33 ปี 13 เดือนริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า สำหรับความผิดฐานฆ่าผู้อื่นให้จำคุก 18 ปี เมื่อลดโทษให้หนึ่งในสามแล้ว คงจำคุก 12 ปีรวมโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ อีก 2 กระทง เป็นจำคุก 12 ปี9 เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าผู้อื่นหนักขึ้นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “สำหรับข้อหาฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ลดโทษหนึ่งในสาม จำคุก 33 ปี 4 เดือนศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาลงโทษจำเลยตามบทกฎหมายที่ศาลชั้นต้นวางมา คงแก้เฉพาะโทษเป็นว่า ให้จำคุก 18 ปี ลดโทษหนึ่งในสามจำคุก 12 ปี ดังนี้เป็นการแก้ไขเล็กน้อยและให้จำคุกจำเลยเกินห้าปีโจทก์จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคสอง ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2532 มาตรา 11 ที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้นเป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการกำหนดโทษของศาลอุทธรณ์ภาค 3 อันเป็นปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกฎีกาโจทก์