คำสั่งคำร้องที่ 1053/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของโจทก์เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 จึงมีคำสั่งไม่รับฎีกาโจทก์
โจทก์ที่ 2 เห็นว่า ฎีกาของโจทก์ในประเด็นที่ว่าคดียังไม่สมควรที่ศาลชั้นต้นจะสั่งงดสืบพยานโจทก์ เพราะตามฟ้องโจทก์คดียังไม่ขาดอายุความ และคดีโจทก์เป็นคดีการใช้สิทธิเรียกร้องตามคำพิพากษาอันตั้งหลักฐานโดยคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 168 และในประเด็นที่ว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงโดยผิดกฎหมาย เพราะรับฟังข้อเท็จจริงที่ไม่ปรากฏในฟ้องหรือตามทางนำสืบ เป็นปัญหาข้อกฎหมายโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 112,111)
โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์ทั้งสองจำนวน 17,437.50 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 15,000 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จและให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์ที่ 1 จำนวน 7,279.91 บาท พร้อมดอกเบี้ยในต้นเงินจำนวนดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 103)
โจทก์ที่ 2 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 106)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าที่โจทก์ที่ 2 ฎีกาขอให้สืบพยานต่อไปเป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาลที่ให้งดสืบพยาน อันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง และที่โจทก์ยังฎีกาว่าศาลอุทธรณ์รับฟังข้อเท็จจริงผิดกฎหมาย โดยรับฟังข้อเท็จจริงที่ไม่ปรากฏในคำฟ้องหรือทางนำสืบ ก็เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาของโจทก์ที่ 2จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ที่ 2 นั้น จึงชอบแล้วให้ยกคำร้อง

Share