คำวินิจฉัยที่ 90/2563

แหล่งที่มา : สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ

ย่อสั้น

คดีนี้ โจทก์เป็นเอกชนยื่นฟ้อง องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร ที่ ๑ ผู้อำนวยการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร ที่ ๒ นาย ม. ที่ ๓ นาย ป. ที่ ๔ จำเลย จากการที่จำเลยที่ ๑ ทำสัญญาเช่าคลังสินค้าหลังที่ ๑ และหลังที่ ๒ และสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาเช่าคลังสินค้า เพื่อใช้เก็บรักษาข้าวสารที่สีแปรสภาพจากข้าวเปลือกที่จำเลยที่ ๑ สั่งให้โรงสีส่งมอบตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี ๒๕๕๕ และโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต ๒๕๕๖ และสัญญาจ้างเหมาโจทก์ขนย้ายข้าวสารโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๕๖ เก็บในคลังสินค้า แต่จำเลยที่ ๑ ค้างชำระค่าเช่าบางส่วน ขอให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงินค่าเช่าคลังสินค้าพร้อมดอกเบี้ย คดีนี้จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาเช่าคลังสินค้าระหว่างจำเลยที่ ๑ กับโจทก์ แต่โดยที่พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๔) บัญญัติให้ศาลปกครองมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครองเท่านั้น กรณีมีปัญหาต้องพิจารณาว่า สัญญาเช่าคลังสินค้าพิพาทเป็นสัญญาทางปกครองหรือไม่ เห็นว่า มาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน บัญญัติให้สัญญาทางปกครอง หมายความรวมถึง สัญญาที่คู่สัญญาอย่างน้อยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครองหรือเป็นบุคคลซึ่งกระทำการแทนรัฐ และมีลักษณะเป็นสัญญาสัมปทาน สัญญาที่ให้จัดทำบริการสาธารณะ หรือจัดให้มีสิ่งสาธารณูปโภคหรือแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ แม้องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นนิติบุคคลและเป็นรัฐวิสาหกิจจัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร พ.ศ. ๒๕๑๗ และพระราชบัญญัติจัดตั้งองค์การของรัฐบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ อันมีฐานะเป็นหน่วยงานทางปกครอง ตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ แต่เมื่อพิเคราะห์ถึงวัตถุประสงค์และลักษณะของสัญญาเช่าคลังสินค้าระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ แล้ว มีวัตถุประสงค์เพียงกำหนดให้โจทก์มีหน้าที่ส่งมอบคลังสินค้าพร้อมทั้งจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวก โดยให้เจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ ๑ สามารถใช้งานได้ตลอดเวลาที่ปฏิบัติงาน กับกำหนดความรับผิดของโจทก์ในกรณีข้าวสารหรือกระสอบบรรจุข้าวสารเสื่อมคุณภาพเสียหายอันเกิดจากสถานที่เช่าไม่เหมาะสมกับการเก็บรักษาเท่านั้น สัญญาพิพาทจึงเป็นสัญญาทางแพ่ง ไม่ใช่สัญญาทางปกครอง ตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คดีพิพาทตามสัญญาดังกล่าวจึงมิใช่คดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๔) แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน แม้จะปรากฏข้อเท็จจริงตามคำให้การของจำเลยทั้งสี่ว่า จำเลยที่ ๑ ได้ยื่นฟ้องโจทก์ต่อศาลปกครองกลาง ขอให้โจทก์ชำระค่าเสียหายแก่จำเลยที่ ๑ ตามมูลค่าข้าวสารค้างส่งมอบและค่าปรับตามสัญญาฝากเก็บ แปรสภาพ และจัดจำหน่ายข้าวในโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๕๖/๕๗ อันเนื่องมาจากโจทก์ไม่สามารถส่งข้าวสารตามคำสั่งแปรสภาพเข้าคลังสินค้าภายในระยะเวลาตามที่กำหนด เป็นเหตุให้จำเลยที่ ๑ ได้รับความเสียหาย โดยคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลางก็ตาม แต่ประเด็นแห่งคดีเป็นการฟ้องให้ปฏิบัติตามสัญญาฝากเก็บ แปรสภาพ และจัดจำหน่ายข้าวในโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๕๖/๕๗ เป็นข้อพิพาทเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของคู่สัญญาตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ต้องปฏิบัติเกี่ยวกับการฝากเก็บ การแปรสภาพและการจัดจำหน่ายข้าวอันเป็นสัญญาคนละประเภทกับคดีพิพาทนี้ และเมื่อได้วินิจฉัยแล้วว่าสัญญาพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสี่เป็นสัญญาทางแพ่ง คดีนี้จึงอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

Share