แหล่งที่มา : สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ
ย่อสั้น
คดีนี้แม้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม จำเลยที่ ๑ และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจังหวัดบุรีรัมย์ จำเลยที่ ๒ จะเป็นหน่วยงานทางปกครองก็ตาม แต่ตามคำฟ้องโจทก์อ้างว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๙๘๕๗ และ ๑๙๘๕๘ ซึ่งจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ได้ออกพระราชกฤษฎีกาประกาศกำหนดเขตที่ดินเพื่อการปฏิรูปซึ่งรวมที่ดินของโจทก์ไว้ด้วย และร่วมกันนำที่ดินทั้งสองแปลงของโจทก์ไปออกหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก. ๔ – ๐๑ ก.) ให้แก่มารดาจำเลยที่ ๓ และโอนสิทธิการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์มาเป็นของจำเลยที่ ๓ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ศาลเพิกถอนหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก. ๔ – ๐๑ ก.) เห็นว่า เมื่อพิจารณาความมุ่งหมายของโจทก์ในการใช้สิทธิทางศาล ก็เพื่อให้ศาลมีคำพิพากษารับรองคุ้มครองสิทธิและพิสูจน์สิทธิในที่ดินของตนเป็นสำคัญ และการที่ศาลจะพิพากษาตามคำขอของโจทก์ได้นั้น จะต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทหรือไม่แล้วจึงจะพิจารณาประเด็นอื่นต่อไป กรณีจึงเป็นคดีเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม