คำวินิจฉัยที่ 88/2558

แหล่งที่มา : ส่วนเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ

ย่อสั้น

คดีที่เอกชนยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ของรัฐว่า ผู้ฟ้องคดีเป็นเจ้าของที่ดินมีโฉนดและผู้ถูกฟ้องคดีได้ออก น.ส.ล. เลขที่ ๑๔๖๕๖ “แปลงป่าช้าบ้านม่วงสามสิบ” ทับที่ดินของผู้ฟ้องคดีทั้งแปลง ขอให้เพิกถอน น.ส.ล. กับให้ผู้ฟ้องคดีมีสิทธิถือครองที่ดินตามโฉนดที่ดิน ผู้ถูกฟ้องคดีให้การว่า การออก น.ส.ล. เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ข้อเท็จจริงยังไม่ยุติว่าที่ดินพิพาทเป็นของผู้ฟ้องคดีหรือเป็นที่สาธารณประโยชน์ เห็นว่า การที่ศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งตามคำขอของผู้ฟ้องคดีได้นั้น จำต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่า ที่พิพาทเป็นของผู้ฟ้องคดีตามที่กล่าวอ้างหรือเป็นที่สาธารณประโยชน์แปลงป่าช้าบ้านม่วงสามสิบเป็นสำคัญ แล้วจึงจะพิจารณาประเด็นอื่นต่อไป จึงเป็นคดีเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

ย่อยาว

(สำเนา)

คำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
ที่ ๘๘/๒๕๕๘

วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๘

เรื่อง คดีเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน

ศาลปกครองอุบลราชธานี
ระหว่าง
ศาลจังหวัดอุบลราชธานี

การส่งเรื่องต่อคณะกรรมการ
ศาลปกครองอุบลราชธานีโดยสำนักงานศาลปกครองส่งเรื่องให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลพิจารณาวินิจฉัยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง (๓) ซึ่งเป็นกรณีคู่ความฝ่ายที่ถูกฟ้องคดีโต้แย้งเขตอำนาจศาลที่รับฟ้องคดีและศาลที่ส่งความเห็นและศาลที่รับความเห็นมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องเขตอำนาจศาลในคดีนั้น
ข้อเท็จจริงในคดี
เมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๔ นายวิกัย หินแก้ว ผู้ฟ้องคดี ยื่นฟ้องอธิบดีกรมที่ดิน ผู้ถูกฟ้องคดี ต่อศาลปกครองอุบลราชธานี เป็นคดีหมายเลขดำที่ ๒๑๙/๒๕๕๔ หมายเลขแดงที่ ๔๓/๒๕๕๔ ความว่า ผู้ฟ้องคดีเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๐๑๙๔ ตำบลม่วงสามสิบ อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี เนื้อที่ ๔ ไร่ ๒ งาน ๕๐ ตารางวา ซึ่งโฉนดที่ดินออกตาม น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๑๓๔ โดยผู้ฟ้องคดีได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินต่อเนื่องมาจากบิดามารดาเป็นเวลาประมาณ ๔๐ ปี แต่เมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๒๕ ผู้ถูกฟ้องคดีได้ออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (น.ส.ล.) เลขที่ ๑๔๖๕๖ “แปลงป่าช้าบ้านม่วงสามสิบ” ตำบลม่วงสามสิบ อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี ทับที่ดินของผู้ฟ้องคดีทั้งแปลง โดยผู้ฟ้องคดีไม่ทราบเรื่อง ต่อมาเมื่อปี ๒๕๕๒ องค์การบริหารส่วนตำบลม่วงสามสิบร่วมกับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานที่ดิน จังหวัดอุบลราชธานี สาขาม่วงสามสิบ ได้สำรวจรังวัดปักหลักเขต น.ส.ล. เลขที่ ๑๔๖๕๖ ผู้ฟ้องคดีจึงทราบว่า ที่ดิน น.ส.ล. แปลงดังกล่าวครอบคลุมทับที่ดินของผู้ฟ้องคดีทั้งแปลง ขอให้พิพากษาหรือมีคำสั่งเพิกถอน น.ส.ล. เลขที่ ๑๔๖๕๖ ที่ออกทับโฉนดที่ดินของผู้ฟ้องคดี กับขอให้ผู้ฟ้องคดีมีสิทธิถือครองที่ดินตามโฉนดที่ดินของผู้ฟ้องคดี
ศาลปกครองอุบลราชธานีมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ผู้ฟ้องคดีอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลปกครองสูงสุดต่อมาศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งที่ ๗๘๒/๒๕๕๕ ให้รับคำฟ้องของผู้ฟ้องคดีไว้พิจารณา
ผู้ถูกฟ้องคดีให้การว่า การออก น.ส.ล. เลขที่ ๑๔๖๕๖ “แปลงป่าช้าบ้านม่วงสามสิบ” เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย เหตุที่ไม่ได้แจ้งให้ผู้ฟ้องคดีไประวังแนวเขตเนื่องจากไม่มีชื่อผู้ฟ้องคดีเป็นเจ้าของที่ดินแปลงข้างเคียง ข้อเท็จจริงยังไม่ยุติว่าที่ดินพิพาทเป็นของผู้ฟ้องคดีหรือเป็นที่สาธารณประโยชน์ “แปลงป่าช้าบ้านม่วงสามสิบ” ตาม น.ส.ล. เลขที่ ๑๔๖๕๖ ขอให้ยกฟ้อง
ผู้ถูกฟ้องคดียื่นคำร้องโต้แย้งเขตอำนาจศาลว่า คดีนี้เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
ศาลปกครองอุบลราชธานีพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้เป็นกรณีที่ฟ้องว่าผู้ถูกฟ้องคดีออกหนังสือเพื่อแสดงเขตที่ดินของรัฐไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งอยู่ในอำนาจหน้าที่ของอธิบดีกรมที่ดินและต้องดำเนินการ ตามมาตรา ๘ ตรี แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ประกอบกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒๖ (พ.ศ. ๒๕๑๖) แก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๕ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ การปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ในกรณีดังกล่าวของผู้ถูกฟ้องคดีจึงเป็นการใช้อำนาจทางปกครองที่มีผลกระทบต่อสิทธิหน้าที่ของบุคคล อันเป็นคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายในการออกคำสั่งทางปกครองอันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ สำหรับประเด็นปัญหาที่ต้องพิจารณาว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ดินของผู้ฟ้องคดีหรือเป็นที่สาธารณประโยชน์นั้น เป็นเพียงประเด็นปัญหาข้อเท็จจริงที่ศาล จะต้องพิจารณาในเนื้อหาของคดีว่าการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงแปลงพิพาทชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ คดีนี้จึงอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
ศาลจังหวัดอุบลราชธานีพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้ผู้ฟ้องคดีได้ยื่นฟ้องขอให้ศาลพิพากษา เพิกถอน น.ส.ล. เลขที่ ๑๔๖๕๖ ในส่วนที่ออกทับที่ดินผู้ฟ้องคดี ผู้ถูกฟ้องคดีให้การว่าข้อเท็จจริงยังไม่ยุติว่าที่ดินพิพาทเป็นของผู้ฟ้องคดีหรือเป็นที่สาธารณประโยชน์ ดังนั้น ในการพิจารณาคดีของศาลจะต้องพิจารณาในประเด็นว่าที่ดินพิพาทเป็นของผู้ฟ้องคดีหรือเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินเสียก่อน จึงจะพิจารณา ประเด็นอื่นต่อไป กรณีจึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

คำวินิจฉัย
ปัญหาที่ต้องพิจารณา คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรมหรือศาลปกครอง
คณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้ผู้ฟ้องคดีเป็นเอกชนยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ของรัฐอ้างว่า ผู้ฟ้องคดีเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๐๑๙๔ เนื้อที่ ๔ ไร่ ๒ งาน ๕๐ ตารางวา ซึ่งโฉนดที่ดินออกตาม น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๑๓๔ ผู้ฟ้องคดีได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินต่อเนื่องมาจากบิดามารดา เป็นเวลาประมาณ ๔๐ ปี แต่ผู้ถูกฟ้องคดีได้ออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (น.ส.ล.) เลขที่ ๑๔๖๕๖ “แปลงป่าช้าบ้านม่วงสามสิบ” ทับที่ดินของผู้ฟ้องคดีทั้งแปลงโดยผู้ฟ้องคดีไม่ทราบเรื่อง เมื่อองค์การบริหารส่วนตำบลม่วงสามสิบร่วมกับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานที่ดินจังหวัดอุบลราชธานี สาขาม่วงสามสิบ ได้สำรวจรังวัดปักหลักเขต น.ส.ล. เลขที่ ๑๔๖๕๖ ผู้ฟ้องคดีจึงทราบว่าที่ดิน น.ส.ล. แปลงดังกล่าวครอบคลุมทับที่ดินของผู้ฟ้องคดีทั้งแปลง ขอให้พิพากษาหรือมีคำสั่งเพิกถอน น.ส.ล. เลขที่ ๑๔๖๕๖ ที่ออกทับโฉนดที่ดินของผู้ฟ้องคดี กับขอให้ผู้ฟ้องคดีมีสิทธิถือครองที่ดินตามโฉนดที่ดินของผู้ฟ้องคดี ผู้ถูกฟ้องคดีให้การว่า การออก น.ส.ล. เลขที่ ๑๔๖๕๖ “แปลงป่าช้าบ้านม่วงสามสิบ” เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย เหตุที่ไม่ได้แจ้งให้ผู้ฟ้องคดีไประวังแนวเขตเนื่องจากไม่มีชื่อผู้ฟ้องคดีเป็นเจ้าของที่ดินแปลงข้างเคียง ข้อเท็จจริงยังไม่ยุติว่าที่ดินพิพาท เป็นของผู้ฟ้องคดีหรือเป็นที่สาธารณประโยชน์ “แปลงป่าช้าบ้านม่วงสามสิบ” ตาม น.ส.ล. เลขที่ ๑๔๖๕๖ ขอให้ยกฟ้อง เห็นว่า การที่ศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งตามคำขอของผู้ฟ้องคดีได้นั้น จำต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่า ที่พิพาทเป็นของผู้ฟ้องคดีตามที่กล่าวอ้างหรือเป็นที่สาธารณประโยชน์แปลงป่าช้าบ้านม่วงสามสิบตาม น.ส.ล. เลขที่ ๑๔๖๕๖ เป็นสำคัญ แล้วจึงจะพิจารณาประเด็นอื่นต่อไป จึงเป็นคดีเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
จึงวินิจฉัยชี้ขาดว่า คดีระหว่าง นายวิกัย หินแก้ว ผู้ฟ้องคดี อธิบดีกรมที่ดิน ผู้ถูกฟ้องคดี อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

(ลงชื่อ) วีระพล ตั้งสุวรรณ (ลงชื่อ) จิรนิติ หะวานนท์
(นายวีระพล ตั้งสุวรรณ) (นายจิรนิติ หะวานนท์)
ประธานศาลฎีกา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลยุติธรรม

(ลงชื่อ) ปิยะ ปะตังทา (ลงชื่อ) จรัญ หัตถกรรม
(นายปิยะ ปะตังทา) (นายจรัญ หัตถกรรม)
รองประธานศาลปกครองสูงสุดคนที่หนึ่ง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลปกครอง
ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานศาลปกครองสูงสุด

(ลงชื่อ) พลเรือโท ปรีชาญ จามเจริญ (ลงชื่อ) พลตรี พัฒนพงษ์ เกิดอุดม
(ปรีชาญ จามเจริญ) (พัฒนพงษ์ เกิดอุดม)
หัวหน้าสำนักตุลาการทหาร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลทหาร

(ลงชื่อ) จิระ บุญพจนสุนทร
(นายจิระ บุญพจนสุนทร)
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ

Share