แหล่งที่มา : สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ
ย่อสั้น
คดีนี้ผู้ฟ้องคดีทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดกของนาง ส. ยื่นฟ้อง อธิบดีกรมที่ดิน ที่ ๑ เจ้าพนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร ที่ ๒ ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานการทะเบียนที่ดิน ที่ ๓ นักวิชาการที่ดินชำนาญการพิเศษ ที่ ๔ นักวิชาการที่ดินชำนาญการ ที่ ๕ นาง ม. ที่ ๖ นาย จ. ที่ ๗ ผู้ถูกฟ้องคดี ขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพิกถอนคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ที่ไม่รับจดทะเบียนแบ่งทรัพย์สินระหว่างคู่สมรสระหว่างนาย ก. และนาง ส. และเพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ที่ยืนตามคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ พร้อมทั้งให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ถึงที่ ๕ ดำเนินการจดทะเบียนลงชื่อผู้ฟ้องคดีทั้งสองในฐานะผู้จัดการมรดกของนาง ส. ในโฉนดที่ดินเลขที่ ๓๙๖ เลขที่ ๖๔๓๙ เลขที่ ๓๓๗๑ และเลขที่ ๑๕๔๒๐๔ เมื่อกรณียังมีข้อพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในทรัพย์มรดกตามพินัยกรรมว่าเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของนาย ก. หรือเป็นสินสมรสระหว่างนาย ก. กับนาง ส. ซึ่งผู้ฟ้องคดีทั้งสองในฐานะทายาทและผู้จัดการมรดกของนาง ส. จะมีสิทธิในทรัพย์มรดกส่วนดังกล่าว ประกอบกับเจตนาของผู้ฟ้องคดีทั้งสองที่ฟ้องคดีนี้ก็เพื่อให้ตนมีสิทธิในทรัพย์มรดกเกินกว่าส่วนที่ตนจะได้ตามพินัยกรรม โดยอ้างว่าทรัพย์มรดกพิพาทเป็นสินสมรสซึ่งนาง ส. มารดาของผู้ฟ้องคดีทั้งสองมีสิทธิอยู่กึ่งหนึ่ง ข้อพิพาทสำคัญในคดีนี้จึงเป็นปัญหาเกี่ยวกับสินสมรส ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยาในทางทรัพย์สินและการสิ้นสุดแห่งการสมรสและทรัพย์มรดก แม้ผู้ฟ้องคดีทั้งสองฟ้องผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ถึงที่ ๕ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ต่อศาลปกครอง โดยตั้งรูปเรื่องเป็นการฟ้องขอเพิกถอนคำสั่งทางปกครอง แต่เนื้อหาของคดีเป็นข้อพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในทรัพย์มรดกระหว่างผู้ฟ้องคดีทั้งสองกับผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๖ และที่ ๗ ซึ่งเป็นเอกชนด้วยกัน โดยผู้ฟ้องคดีทั้งสองมีคำขอให้จดทะเบียนลงชื่อผู้ฟ้องคดีทั้งสองในฐานะผู้จัดการมรดกของนาง ส. ลงในโฉนดที่ดินพิพาท การใช้อำนาจของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ จึงเป็นเพียงผลของการที่ศาลได้มีคำวินิจฉัยเกี่ยวกับสิทธิในทางทรัพย์สินระหว่างผู้ฟ้องคดีทั้งสองกับผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๖ และที่ ๗ เท่านั้น เมื่อกรณีเป็นข้อพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในทรัพย์สินและความสัมพันธ์ระหว่างเอกชน คดีนี้จึงอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม