คำวินิจฉัยที่ 58/2563

แหล่งที่มา : สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ

ย่อสั้น

คดีนี้ผู้ฟ้องคดีเป็นเอกชนยื่นฟ้องเจ้าพนักงานที่ดินหัวหน้าส่วนแยก น. ที่ ๑ กรมที่ดิน ที่ ๓ ผู้ถูกฟ้องคดี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและหน่วยงานทางปกครอง อ้างว่า ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินตามหลักฐานแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค. ๑) เลขที่ ๑๐๒ ซึ่งได้นำหลักฐานไปยื่นขอออกโฉนดที่ดินเป็นโฉนดที่ดินเลขที่ ๙๕๒๖ แต่มีการออกโฉนดที่ดินให้แก่ผู้ฟ้องคดีไม่เต็มจำนวนเนื้อที่ตามที่มีการครอบครองทำประโยชน์และปรากฏทางสาธารณประโยชน์ในที่ดินของผู้ฟ้องคดี ผู้ฟ้องคดีจึงเก็บโฉนดที่ดินไว้โดยไม่ได้ตรวจสอบและได้นำโฉนดที่ดินดังกล่าวไปจำนองไว้กับธนาคารโดยไม่ทราบถึงความผิดพลาด เมื่อบุตรของผู้ฟ้องคดีไปยื่นคำขอออกโฉนดที่ดินเพิ่มเติม แต่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ มีคำสั่งยกเลิกคำขอรังวัดออกโฉนดโดยอ้างว่าการรังวัดชอบแล้ว เนื่องจากที่ดินพิพาทเป็นทางสาธารณประโยชน์ ผู้ฟ้องคดีอุทธรณ์คำสั่ง แต่ยกอุทธรณ์ ขอให้ศาลพิพากษาและมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งแจ้งยกเลิกคำขอรังวัดออกโฉนดที่ดินและชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้ฟ้องคดี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ และที่ ๓ ให้การว่า บริเวณที่ดินพิพาทที่ผู้ฟ้องคดีกล่าวอ้างเป็นทางสาธารณประโยชน์ ต้องห้ามมิให้ออกโฉนดที่ดิน หลักฐาน ส.ค ๑ เลขที่ ๑๐๒ ได้มีการนำไปออกเป็นโฉนดที่ดินเลขที่ ๙๕๒๕ และ ๙๕๒๖ เต็มพื้นที่แล้ว ผู้ฟ้องคดีจึงไม่อาจนำหลักฐาน ส.ค. ๑ เลขที่ ๑๐๒ มายื่นคำขอออกโฉนดที่ดินเพิ่มเติมได้อีก คำสั่งยกเลิกคำขอออกโฉนดที่ดินจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว ขอให้ยกฟ้อง เห็นว่า แม้คดีนี้ผู้ฟ้องคดีจะมีคำขอให้เพิกถอนคำสั่งแจ้งยกเลิกคำขอรังวัดออกโฉนดที่ดินจากหลักฐาน ส.ค. ๑ ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ซึ่งเป็นการฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งทางปกครอง แต่เมื่อพิจารณาลักษณะข้อพิพาทในคดีนี้จะเห็นได้ว่าเป็นการโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินพิพาทว่าสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทเป็นของผู้ฟ้องคดีตามที่กล่าวอ้างหรือเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ประเภทพลเมืองใช้ร่วมกัน เมื่อพิจารณาความมุ่งหมายของผู้ฟ้องคดีในการใช้สิทธิทางศาล ก็เพื่อให้ศาลมีคำพิพากษารับรองคุ้มครองสิทธิในที่ดินของผู้ฟ้องคดีเป็นสำคัญ กรณีจึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

Share