แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีน 193 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและร่วมกันพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าว 191 เม็ด แต่ทางพิจารณากลับได้ความว่าจำเลยโทรศัพท์แจ้งให้ ว. ไปรับเมทแอมเฟตามีน 191 เม็ดที่อื่น ซึ่งมิใช่ที่ห้องพักของจำเลย ทั้งไม่ได้ความว่าจำเลยได้นำเมทแอมเฟตามีนจากห้องพักไปวางไว้ด้วยตนเองหรือใช้ให้บุคคลใดนำไปวาง ส่วนเมทแอมเฟตามีนอีก 2 เม็ด ได้ความจาก พันตำรวจโท ก. ว่า พบอยู่บนที่นอนภายในห้องพักของจำเลย ประกอบกับจำเลยรับว่าเสพเมทแอมเฟตามีนมาก่อน และจากการตรวจปัสสาวะของจำเลยพบสารเมทแอมเฟตามีน จึงเชื่อว่าเมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด ที่ค้นพบภายหลังเป็นของจำเลยมีไว้เพื่อเสพและเป็นคนละส่วนกับเมทแอมเฟตามีนที่มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่าย การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีน 191 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายกรรมหนึ่ง และฐานมีเมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตกรรมหนึ่ง แม้โจทก์จะฟ้องข้อหาว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีน 193 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ศาลฎีกาย่อมลงโทษจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง ประกอบมาตรา 215 และ 225 ประกอบ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 3 เพราะข้อแตกต่างดังกล่าวมิใช่ข้อสาระสำคัญและจำเลยมิได้หลงต่อสู้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 57, 66, 91, 100/1, 102 พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 3, 4, 7 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91 ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่ก่อนสืบพยานโจทก์ จำเลยขอถอนคำให้การเดิม และให้การใหม่เป็นรับสารภาพข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีน และรับว่ามีเมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด ไว้เพื่อเสพ ส่วนข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง และวรรคสาม (2), 57, 66 วรรคสอง, 91 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 7 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน จำคุก 8 เดือน ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 6 ปี และปรับ 400,000 บาท ฐานร่วมกันพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนซึ่งต้องรับโทษเช่นเดียวกับการกระทำความผิดสำเร็จ จำคุก 6 ปี และปรับ 400,000 บาท รวมจำคุก 12 ปี 8 เดือน และปรับ 800,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 กรณีต้องกักขังแทนค่าปรับให้กักขังแทนค่าปรับได้เกินหนึ่งปีแต่ไม่เกินสองปี ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษาแก้เป็นว่า ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน จำคุก 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพในข้อหาดังกล่าว เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน ส่วนความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายกับฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน แต่ความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โจทก์ไม่ได้ฟ้องขอให้ลงโทษเป็นอีกกรรมหนึ่ง คงฟ้องร่วมกันมาเป็นกรรมเดียว จึงลงโทษจำเลยฐานนี้ไม่ได้ คงลงโทษจำเลยได้ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีน 191 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเพียงกรรมเดียว และเมื่อความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีน 191 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและฐานร่วมกันพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 191 เม็ด ซึ่งเป็นจำนวนเดียวกันเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 แต่ละบทมีอัตราโทษเท่ากัน จึงให้ลงโทษฐานร่วมกันพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนซึ่งรับโทษเท่าความผิดสำเร็จแต่เพียงบทเดียว จำคุก 6 ปี และปรับ 400,000 บาท รวมจำคุก 6 ปี 3 เดือน และปรับ 400,000 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง เจ้าพนักงานตำรวจจับนายวัฒนชัยและนายอภิรักษ์ พร้อมเมทแอมเฟตามีน 191 เม็ด แจ้งข้อหาว่าเสพเมทแอมเฟตามีน ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าว ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจตามไปจับจำเลยที่ห้องพักและตรวจค้นในห้องพักพบเมทแอมเฟตามีนอีก 2 เม็ด จึงยึดไว้เป็นของกลาง เจ้าพนักงานตำรวจแจ้งข้อหาแก่จำเลยว่าเสพเมทแอมเฟตามีน ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย 193 เม็ด และร่วมกันพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 191 เม็ด สำหรับความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีน โจทก์และจำเลยไม่ฎีกา ความผิดดังกล่าวเป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
คงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีน 193 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 191 เม็ด ตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีน 193 เม็ด น้ำหนัก 18.569 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 2.672 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และร่วมกันพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 191 เม็ด น้ำหนัก 18.386 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 2.639 กรัม ให้แก่สายลับ อันมีความหมายว่าเมทแอมเฟตามีนทั้งหมดเป็นจำนวนเดียวกันแต่จำเลยกับพวกได้จำหน่ายเพียงบางส่วน แต่ในทางพิจารณานายวัฒนชัยและนายอภิรักษ์พยานโจทก์กลับเบิกความทำนองเดียวกันว่าจำเลยโทรศัพท์แจ้งให้นายวัฒนชัยไปรับเมทแอมเฟตามีนที่ริมทางบริเวณป้ายขนส่งจังหวัดระยองเพื่อนำไปมอบให้แก่นางสาวพัชรี ไม่ใช่ไปรับเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยที่ห้องพัก ทั้งไม่ได้ความว่าจำเลยได้นำเมทแอมเฟตามีนจากห้องพักไปวางไว้ด้วยตนเองหรือใช้ให้บุคคลใดนำไปวาง ภายหลังถูกจับกุมและมีการตรวจนับปรากฏว่ามีเมทแอมเฟตามีน 191 เม็ด เท่านั้น จำเลยจึงร่วมกับนายวัฒนชัยและนายอภิรักษ์มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้นางสาวพัชรี 191 เม็ด อันเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ส่วนเมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด ที่พบที่ห้องพักของจำเลยในภายหลัง ไม่ปรากฏจากพยานปากใดว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด ไว้เพื่อจำหน่ายด้วย แต่กลับปรากฏจากคำเบิกความของพันตำรวจโทกฤตพงศ์ เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมว่าในขณะตรวจค้นที่ห้องพักของจำเลยพบเมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด บนที่นอนของจำเลย จำเลยรับว่าได้เสพเมทแอมเฟตามีนมาก่อน และจากการตรวจปัสสาวะของจำเลยพบสารเมทแอมเฟตามีน จึงเชื่อว่าเมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด ที่ค้นพบภายหลังการล่อซื้อเป็นของจำเลยมีไว้เพื่อเสพ และเป็นคนละส่วนกับเมทแอมเฟตามีน 191 เม็ด ที่จำเลยกับพวกมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายไปในคราวเดียวให้แก่นางสาวพัชรี จำเลยจึงมีเจตนาแยกการครอบครองเมทแอมเฟตามีน 191 เม็ด และเมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด แตกต่างกัน การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีน 191 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายกรรมหนึ่ง และฐานมีเมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตกรรมหนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
แต่อย่างไรก็ดี ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยในส่วนเมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด ว่า โจทก์ไม่ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นอีกกรรมหนึ่งจึงไม่อาจลงโทษจำเลยได้นั้น เห็นว่า เมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด ที่ค้นพบในภายหลังนี้จำเลยรับว่าเป็นของตนมีไว้เพื่อเสพ จำเลยจึงมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้โจทก์จะฟ้องข้อหาว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีน 193 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่เมื่อข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาฟังได้ว่าเมทแอมเฟตามีนที่พบในภายหลัง 2 เม็ด จำเลยมีไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตดังที่วินิจฉัยข้างต้น ศาลฎีกาย่อมลงโทษจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง ประกอบมาตรา 215 และ 225 ประกอบพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 3 เพราะข้อแตกต่างดังกล่าวมิใช่ข้อสาระสำคัญและจำเลยมิได้หลงต่อสู้
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 67 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกกระทงหนึ่ง จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จำคุก 6 เดือน เมื่อรวมกับโทษฐานเสพเมทแอมเฟตามีนและฐานร่วมกันพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของศาลอุทธรณ์แล้วเป็นจำคุก 6 ปี 9 เดือน และปรับ 400,000 บาท ยกฟ้องความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีน 193 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์