แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้เคลื่อนย้ายหลักเขตที่ดินจากที่ซึ่งเจ้าพนักงานที่ดินปักไว้เดิมไปปิดกั้นที่ดินของโจทก์ขอให้ย้ายกลับที่เดิม จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยไม่ได้เคลื่อนย้ายหลักเขตดังกล่าวเมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า จำเลยเป็นผู้เคลื่อนย้ายหรือใช้ให้ผู้อื่นเคลื่อนย้ายหลักเขตที่ดินจำเลยจึงมิได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55 และเรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นฎีกา ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้นำเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดตรวจสอบแนวเขตที่ดินของโจทก์ตามโฉนดที่ 2934 ตำบลท้ายบ้าน (บางปูใหม่) อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ แล้ว ที่ดินมีรูปเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมไม่ตรงกับรูปแผนที่ตามโฉนด โดยที่ดินด้านที่ติดกับเขตคลองชลประทานขุดใหม่ จำเลยได้เคลื่อนย้ายหลักเขตที่ดินหมายเลข069147 ออกไปจากที่เดิม ไปปักรุกล้ำเขตคลองชลประทานขุดใหม่อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินทำให้รูปที่ดินของโจทก์ไม่ตรงกับรูปที่ดินหลังโฉนด โจทก์ได้รับความเสียหายเพราะที่ดินของโจทก์ถูกปิดกั้นทางที่จะออกไปสู่ที่สาธารณะ ทำให้ที่ดินของโจทก์มีราคาน้อยลง ขอให้บังคับจำเลยเคลื่อนย้ายหลักเขตที่ดินหมายเลข 069147ไปไว้ในที่เดิมให้ตรงตามแผนที่ในโฉนด หากจำเลยไม่เคลื่อนย้ายก็ให้โจทก์เป็นผู้เคลื่อนย้านโดยจำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นและขอให้ศาลแจ้งคำพิพากษาถึงเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการทำการเคลื่อนย้ายหลักเขตด้วย
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินตามโฉนดที่ 16826ตำบลบางปูใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ มานานกว่า 10 ปีจำเลยไม่ได้ย้ายหลักเขตที่ดินหมายเลข 069147 ไปปิดกั้นหน้าที่ดินของโจทก์หลักเขตที่ดินดังกล่าวเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการได้ปักไว้ตั้งแต่ พ.ศ.2512 จำเลยออกโฉนดโดยชอบโจทก์ฟ้องคดีโดยไม่สุจริต โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นว่า ที่ดินโจทก์เป็นไปตามรูปที่ดินด้านหลังโฉนดที่ 2934 เลขที่ดิน 24 ตำบลท้ายบ้าน (บางปูใหม่)อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ คำขออื่นนอกจากนั้นให้ยก
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้เคลื่อนย้ายหลักเขตที่ดินหมายเลข 069147 จากที่ซึ่งเจ้าพนักงานที่ดินปักไว้เดิมไปปิดกั้นที่ดินของโจทก์จำเลยให้การต่อสู้จำเลยไม่ได้เคลื่อนย้ายหลักเขตที่ดินดังกล่าว จึงเห็นสมควรวินิจฉัยปัญหาตามฎีกาจำเลยในข้อที่ว่า จำเลยเป็นผู้เคลื่อนย้ายหลักเขตที่ดินหมายเลข 069147 ออกไปจากที่ปักไว้เดิมหรือไม่เสียก่อน เห็นว่า โจทก์ไม่มีพยานที่รู้เห็นว่าจำเลยเป็นผู้เคลื่อนย้ายหลักเขตที่ดินหมายเลข 069147 หรือจำเลยใช้ให้ผู้อื่นเคลื่อนย้ายหลักเขตที่ดินดังกล่าวแต่อย่างใดนางชุบ ภู่ทองพยานโจทก์ก็เบิกความว่า พยานเป็นผู้ดูแลและครอบครองที่ดินของโจทก์ แต่ไม่ทราบว่าผู้ใดเคลื่อนย้ายหลักเขตที่ดินหมายเลข069147 จำเลยก็นำสืบว่าจำเลยไม่ได้เคลื่อนย้ายหลักเขตที่ดินดังกล่าว ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้เคลื่อนย้ายหลักเขตที่ดินหมายเลข 069147 หรือจำเลยใช้ให้ผู้อื่นเคลื่อนย้ายหลักเขตที่ดินดังกล่าว จำเลยจึงมิได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55เรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นฎีกาไว้ด้วยศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) เมื่อโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องก็ต้องยกฟ้อง คดีไม่จำต้องพิจารณาฎีกาข้ออื่น ๆอีกต่อไป ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาฎีกาของจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์.