คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1145/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีพิพาทกันเรื่องที่ดิน เมื่อศาลฎีกาฟังว่าโจทก์และโจทก์ร่วมเป็นเจ้าของที่พิพาทร่วมกัน แม้ในชั้นฎีกาจะมีเพียงโจทก์ร่วมผู้เดียวฎีกาโดยโจทก์มิได้ฎีกา แต่กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้มีผลถึงโจทก์ด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245 (1), 247

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า ที่พิพาทตามแผนที่ท้ายฟ้องเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง
จำเลยทั้งสองให้การและฟ้องแย้งว่า ที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินจำเลยทั้งสองซึ่งซื้อมาจากบุคคลภายนอก ขอให้ยกฟ้องและพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยทั้งสองห้ามโจทก์และบริวารเข้าเกี่ยวข้อง
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ซื้อที่พิพาทมาจากผู้มีชื่อโจทก์ครอบครองทำประโยชน์ตลอดมา จำเลยไม่เคยเข้าเกี่ยวข้องขอให้ยกฟ้องแย้ง
นางอุดมลักษณ์ ประโลม ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์และโจทก์ร่วม ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้อง ให้ยกฟ้องแย้งจำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์และโจทก์ร่วมและพิพากษาตามฟ้องแย้งว่า ที่พิพาทจำเลยทั้งสองเป็นผู้มีสิทธิครอบครองห้ามโจทก์และโจทก์ร่วมพร้อมทั้งบริวารเข้าเกี่ยวข้อง
โจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโจทก์ โดยมีโจทก์ร่วมเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยจำเลยทั้งสองไม่เคยเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่พิพาท เมื่อโจทก์และโจทก์ร่วมเป็นเจ้าของที่พิพาทร่วมกัน แม้คดีจะมีโจทก์ร่วมผู้เดียวฎีกา โดยโจทก์มิได้ฎีกาด้วย แต่กรณีเป็นเรื่องเกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ โจทก์จึงได้รับผลตามคำพิพากษาด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๕(๑) และมาตรา ๒๔๗
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share