แหล่งที่มา : ส่วนเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ
ย่อสั้น
ผู้ถูกฟ้องคดีจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พ.ศ. ๒๕๐๓ เป็นรัฐวิสาหกิจจึงเป็นหน่วยงานทางปกครอง ตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มีวัตถุประสงค์ในการผลิต จัดให้มา จัดส่ง และจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าในเขตส่วนภูมิภาคซึ่งอยู่นอกเขตท้องที่ที่การไฟฟ้านครหลวงดำเนินการอยู่ ตามมาตรา ๖ และมาตรา ๗ และมีอำนาจกระทำการต่าง ๆ ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ดังกล่าว ซึ่งรวมถึงอำนาจจัดระเบียบเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้และรักษาทรัพย์สินของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคตามมาตรา ๑๓ (๖) เมื่อคดีนี้ผู้ฟ้องคดีอ้างว่าผู้ถูกฟ้องคดีปล่อยปละละเลยมิได้ใช้ความระมัดระวังตรวจตราดูแลสายไฟฟ้าแรงสูงให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย ทำให้สายไฟมีสภาพเก่าไม่มีฉนวนหุ้มขาดหล่นมาฟาดตัวผู้ฟ้องคดีจนเป็นเหตุให้ผู้ฟ้องคดีได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นทุพพลภาพตลอดชีวิต ขอให้ชดใช้ค่าเสียหาย คดีนี้จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดอันเกิดจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
ย่อยาว
(สำเนา)
คำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
ที่ ๕๘/๒๕๕๘
วันที่ ๔ กันยายน ๒๕๕๘
เรื่อง เขตอำนาจศาลเกี่ยวกับพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓)
ศาลปกครองกลาง
ระหว่าง
ศาลจังหวัดกาญจนบุรี
การส่งเรื่องต่อคณะกรรมการ
ศาลปกครองกลางโดยสำนักงานศาลปกครองส่งเรื่องให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลวินิจฉัยชี้ขาดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง (๓) ซึ่งเป็นกรณีคู่ความฝ่ายที่ถูกฟ้องโต้แย้งเขตอำนาจศาลที่รับฟ้องคดีและศาลที่ส่งความเห็นและศาลที่รับความเห็นมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องเขตอำนาจศาลในคดีนั้น
ข้อเท็จจริงในคดี
เมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๖ นายวันชัย พึ่งไทย ผู้ฟ้องคดี ยื่นฟ้อง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ผู้ถูกฟ้องคดี ต่อศาลปกครองกลาง เป็นคดีหมายเลขดำที่ ๑๓๐๕/๒๕๕๖ ความว่า ผู้ฟ้องคดี มีอาชีพรับซื้อของเก่าได้จดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการชื่อวันชัยรีไซเคิล ตั้งอยู่ที่ ๑๒๖/๑ หมู่ ๑ ตำบลทุ่งสมอ อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี รับซื้อกระดาษ ขวด โลหะ พลาสติก ฯลฯ มีรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายประมาณวันละ ๓,๐๐๐ – ๕,๐๐๐ บาท เมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ผู้ฟ้องคดีได้เดินไปซื้อของที่บริเวณตลาดท่าม่วง ตำบลท่าม่วง อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ได้มีสายไฟฟ้าแรงสูงของผู้ถูกฟ้องคดีซึ่งมีสภาพเก่าไม่มีฉนวนหุ้มขาดหล่นมาฟาดตัวของผู้ฟ้องคดีขณะเดินอยู่ริมถนนแสงชูโต (เก่า) หน้าตลาดท่าม่วง จนได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นเหตุให้ผู้ฟ้องคดีทุพพลภาพตลอดชีวิต เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะความประมาทเลินเล่อของผู้ถูกฟ้องคดีซึ่งมีหน้าที่ตามกฎหมายต้องทำการควบคุมดูแลสายไฟฟ้าแรงสูงให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยและปลอดภัยต่อสาธารณชน การที่ผู้ถูกฟ้องคดีปล่อยปละละเลยมิได้ใช้ความระมัดระวังตรวจตราดูแลสายไฟฟ้าแรงสูงให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย ทำให้สายไฟเก่าหล่นมาฟาดตัวผู้ฟ้องคดีจนเป็นเหตุให้ผู้ฟ้องคดีได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นทุพพลภาพตลอดชีวิต ผู้ถูกฟ้องคดีจึงต้องรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้ฟ้องคดี ขอให้ศาลสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีชดใช้ค่าเสียหายรวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๓๖,๖๗๔,๙๕๔ บาท พร้อมดอกเบี้ย
ผู้ถูกฟ้องคดีให้การว่า ในการจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับประชาชนผู้ถูกฟ้องคดีได้ปฏิบัติตามหลักวิชาตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พ.ศ. ๒๕๐๓ และดำเนินการตรวจสอบซ่อมบำรุงรักษาการปฏิบัติงานตามวาระประจำปี ๒๕๕๕ ในวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๕ ได้ทำการส่องจุดร้อนในพื้นที่พิพาทพบว่ามีภาวะปกติไม่ชำรุด จึงสันนิษฐานว่าบริเวณนั้นมีกลุ่มนกจำนวนมากมาเกาะบริเวณสายไฟฟ้าหรือสัมผัสระหว่างสายไฟฟ้าและลูกถ้วยแก้วทำให้กระแสไฟฟ้าลัดวงจรเกิดประกายไฟทำให้สายไฟขาด แม้มีอุปกรณ์ป้องกันมิให้นกขึ้นไปเกาะบริเวณสายไฟฟ้า (Bird Guard) ก็ไม่อาจป้องกันกรณีดังกล่าวได้ อันเป็นเหตุสุดวิสัยเหตุละเมิดในคดีนี้จึงมิใช่เกิดจากการกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีแต่อย่างใด ผู้ถูกฟ้องคดีได้จ่ายค่ารักษาพยาบาล เป็นเงินจำนวน ๑๐,๐๗๔,๙๕๔.๕๒ บาท ค่าเสียหายที่ผู้ฟ้องคดีเรียกร้องมานั้นไม่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง เป็นค่าเสียหายที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ผู้ถูกฟ้องคดียื่นคำร้องโต้แย้งเขตอำนาจศาลว่า การกระทำละเมิดในคดีนี้เกิดจากเหตุสุดวิสัย ผู้ถูกฟ้องคดีเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พ.ศ. ๒๕๐๓ มีวัตถุประสงค์ในการผลิต จัดให้ได้มา จัดส่ง และจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าในเขตส่วนภูมิภาค ตามมาตรา ๖ และมาตรา ๗ และมีอำนาจกระทำต่าง ๆ ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ดังกล่าว ซึ่งการดูแลบำรุงรักษาระบบจำหน่ายมิได้มีกฎหมายกำหนดไว้โดยชัดแจ้งแต่อย่างใด หน้าที่ดูแลสายไฟฟ้าแรงสูงที่อยู่ในความครอบครองของผู้ถูกฟ้องคดีนั้น เป็นเพียงการใช้อำนาจทั่วไปมิใช่หน้าที่ที่กฎหมายกำหนดไว้ เหตุละเมิดตามคำฟ้องดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย ข้อพิพาทในคดีนี้จึงมิใช่คดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย หรือเกิดจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ จึงอยู่ในอำนาจพิจารณาของศาลยุติธรรม
ศาลปกครองกลางพิจารณาแล้วเห็นว่า มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ บัญญัติให้ศาลปกครองมีอำนาจพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งในคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมายหรือจากกฎ คำสั่งทางปกครองหรือคำสั่งอื่น หรือจากการละเลยต่อหน้าที่ตามกฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร สำหรับคดีนี้ผู้ถูกฟ้องคดีเป็นรัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พ.ศ. ๒๕๐๓ ผู้ถูกฟ้องคดีจึงมีฐานะเป็นหน่วยงานทางปกครอง ตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ และโดยที่มาตรา ๖ และมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พ.ศ. ๒๕๐๓ บัญญัติให้ผู้ถูกฟ้องคดีมีหน้าที่โดยตรงในการผลิตจัดให้ได้มา จัดส่ง และจำหน่ายไฟฟ้าซึ่งเป็นกิจการสาธารณูปโภค และมาตรา ๑๓ (๖) แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน บัญญัติให้ผู้ถูกฟ้องคดีมีหน้าที่ต้องจัดระเบียบเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้และรักษาทรัพย์สินของผู้ถูกฟ้องคดี ซึ่งการดังกล่าวย่อมรวมถึงการบำรุงรักษาสายไฟฟ้าแรงสูง เสาไฟ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ในระบบการส่งพลังงานไฟฟ้าของผู้ถูกฟ้องคดี มิให้ชำรุด บกพร่อง และอยู่ในสภาพที่ดีมีความปลอดภัย ดังนั้น การบำรุงรักษาสายไฟฟ้าแรงสูง เสาไฟ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ในระบบการส่งพลังงานไฟฟ้าของผู้ถูกฟ้องคดีมิให้ชำรุด บกพร่อง และอยู่ในสภาพที่ดีมีความปลอดภัย จึงถือได้ว่าเป็นภารกิจที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดี เมื่อคดีนี้ผู้ฟ้องคดีฟ้องว่า ผู้ถูกฟ้องคดีไม่กระทำการตรวจสอบดูแลสายไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัยแก่ประชาชนทั่วไป เป็นเหตุให้สายไฟฟ้าแรงสูงขาดหล่นใส่ตัวผู้ฟ้องคดีจนได้รับบาดเจ็บและทุพพลภาพตลอดชีวิต อันเป็นการกล่าวอ้างว่า ผู้ถูกฟ้องคดีละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติเป็นเหตุให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเสียหาย ข้อพิพาทในคดีนี้จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ อันเกิดจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ ซึ่งอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒
ศาลจังหวัดกาญจนบุรีพิจารณาแล้วเห็นว่า เมื่อเหตุแห่งการฟ้องคดีนี้ผู้ฟ้องคดีอ้างว่า ผู้ถูกฟ้องคดีกระทำโดยประมาทหรือละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดผู้ถูกฟ้องคดีต้องควบคุม ซ่อมบำรุง ดูแลสายไฟฟ้าแรงสูงให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยและปลอดภัยต่อสาธารณชน แต่ผู้ถูกฟ้องคดีละเลยต่อหน้าที่ มิได้ใช้ความระมัดระวังตรวจตราดูแลให้สายไฟฟ้าแรงสูงอยู่ในสภาพเรียบร้อย ปลอดภัยตามวิสัยและพฤติการณ์ซึ่งบุคคลสามารถใช้ความระมัดระวังทรัพย์ที่อาจเกิดอันตรายเพราะสายไฟฟ้าเก่าและไม่มีฉนวนหุ้มซึ่งคาดเห็นได้ว่าหากสายไฟฟ้าขาดลงมาอาจเป็นอันตรายแก่บุคคลทั่วไปและจากความประมาทปราศจากความระมัดระวังหรือละเลยต่อหน้าที่ดังกล่าวทำให้สายไฟฟ้าแรงสูงซึ่งมีสภาพเก่าหล่นลงมาฟาดตัวผู้ฟ้องคดี เป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้นหน้าที่ในการดูแลสายไฟฟ้าแรงสูงที่อยู่ในความครอบครองของผู้ถูกฟ้องคดีให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยปลอดภัยเป็นอำนาจหน้าที่โดยทั่วไปของผู้ถูกฟ้องคดีเท่านั้น มิใช่อำนาจหน้าที่ตามที่กำหนดไว้โดยกฎหมาย เหตุละเมิดดังกล่าวหาได้เกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมายในการผลิต จัดให้ได้มา จัดส่งและจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่โดยตรงของผู้ถูกฟ้องคดีตามพระราชบัญญัติการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พ.ศ. ๒๕๐๓ ดังนั้น ข้อพิพาทในคดีนี้จึงมิใช่ข้อพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมายหรือจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แต่เป็นคดีที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
คำวินิจฉัย
ปัญหาที่ต้องพิจารณา คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรมหรือศาลปกครอง
คณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่า พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) บัญญัติให้ศาลปกครองมีอำนาจพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งในคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมายหรือจากกฎ คำสั่งทางปกครองหรือคำสั่งอื่น หรือจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร
คดีนี้ผู้ถูกฟ้องคดีเป็นรัฐวิสาหกิจจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พ.ศ. ๒๕๐๓ ผู้ถูกฟ้องคดีจึงเป็นหน่วยงานทางปกครอง ตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มีวัตถุประสงค์ในการผลิต จัดให้ได้มา จัดส่ง และจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าในเขตส่วนภูมิภาคซึ่งอยู่นอกเขตท้องที่ที่การไฟฟ้านครหลวงดำเนินการอยู่ ตามมาตรา ๖ และมาตรา ๗ และมีอำนาจกระทำการต่าง ๆ ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ดังกล่าว ซึ่งรวมถึงอำนาจจัดระเบียบเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้และรักษาทรัพย์สินของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคตามมาตรา ๑๓ (๖) เมื่อคดีนี้ผู้ฟ้องคดีอ้างว่าผู้ถูกฟ้องคดีปล่อยปละละเลยมิได้ใช้ความระมัดระวังตรวจตราดูแลสายไฟฟ้าแรงสูงให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย ทำให้สายไฟมีสภาพเก่าไม่มีฉนวนหุ้มขาดหล่นมาฟาดตัวผู้ฟ้องคดีจนเป็นเหตุให้ผู้ฟ้องคดีได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นทุพพลภาพตลอดชีวิต ขอให้ชดใช้ค่าเสียหาย คดีนี้จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดอันเกิดจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
จึงวินิจฉัยชี้ขาดว่า คดีระหว่างนายวันชัย พึ่งไทย ผู้ฟ้องคดี การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ผู้ถูกฟ้องคดี อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
(ลงชื่อ) ดิเรก อิงคนินันท์ (ลงชื่อ) จิรนิติ หะวานนท์
(นายดิเรก อิงคนินันท์) (นายจิรนิติ หะวานนท์)
ประธานศาลฎีกา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลยุติธรรม
(ลงชื่อ) ปิยะ ปะตังทา (ลงชื่อ) จรัญ หัตถกรรม
(นายปิยะ ปะตังทา) (นายจรัญ หัตถกรรม)
รองประธานศาลปกครองสูงสุดคนที่หนึ่ง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลปกครอง
ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานศาลปกครองสูงสุด
(ลงชื่อ) พลเรือโท ปรีชาญ จามเจริญ (ลงชื่อ) พลตรี พัฒนพงษ์ เกิดอุดม
(ปรีชาญ จามเจริญ) (พัฒนพงษ์ เกิดอุดม)
หัวหน้าสำนักตุลาการทหาร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลทหาร
(ลงชื่อ) จิระ บุญพจนสุนทร
(นายจิระ บุญพจนสุนทร)
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ