คำวินิจฉัยที่ 33/2557

แหล่งที่มา : ส่วนเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ

ย่อสั้น

คดีที่เอกชนฟ้องกรมทางหลวง อ้างว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินมีโฉนด แต่จำเลยก่อสร้างถนนรุกล้ำที่ดินของโจทก์บางส่วน ขอให้ส่งมอบที่ดินส่วนที่รุกล้ำคืนแก่โจทก์ จำเลยให้การว่า ได้ก่อสร้างถนนโดยยึดถือแนวเขตทางตามบัญชีเขตทางหลวงอันเป็นหลักฐานของทางราชการ เห็นว่า การที่ศาลจะมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งตามคำขอของโจทก์ได้นั้น จำต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่า ที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ตามที่กล่าวอ้างหรือเป็นที่อยู่ในเขตทางหลวงแผ่นดินเป็นสำคัญ แล้วจึงจะพิจารณาประเด็นอื่นต่อไป จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

ย่อยาว

(สำเนา)

คำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
ที่ ๓๓/๒๕๕๗

วันที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๗

เรื่อง คดีเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน

ศาลแพ่ง
ระหว่าง
ศาลปกครองกลาง

การส่งเรื่องต่อคณะกรรมการ
ศาลแพ่งโดยสำนักงานศาลยุติธรรมส่งเรื่องให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลวินิจฉัยชี้ขาดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง (๓) ซึ่งเป็นกรณีคู่ความฝ่ายที่ถูกฟ้องคดีโต้แย้งเขตอำนาจศาลที่รับฟ้องคดีและศาลที่ส่งความเห็นและศาลที่รับความเห็นมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องเขตอำนาจศาลในคดีนั้น

ข้อเท็จจริงในคดี
เมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ นางลีหนา โลจนะโกสินทร์ โจทก์ ยื่นฟ้อง กรมทางหลวง จำเลย ต่อศาลแพ่ง เป็นคดีหมายเลขดำที่ ๒๑๘๙/๒๕๕๕ ความว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๔๐๕๒ ตำบลขุนแก้ว (ท้ายคุ้ง) อำเภอนครชัยศรี (เมือง) จังหวัดนครปฐม เนื้อที่ ๕ ไร่ ๑๐ ตารางวา เมื่อวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๔ โจทก์ยื่นคำขอรังวัดสอบเขตที่ดินต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครปฐม สาขานครชัยศรี ผลการรังวัดปรากฏว่าจำนวนเนื้อที่ดินของโจทก์ขาดหายไปบางส่วน โดยส่วนที่ขาดหายไปจำเลยได้ก่อสร้างถนนเพชรเกษมรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ จำนวน ๑ งาน ๘๒ เศษ ๖ ส่วน ๑๐ ตารางวา ขอให้บังคับจำเลยส่งมอบที่ดินส่วนที่รุกล้ำคืนแก่โจทก์ในสภาพเดิม หากไม่สามารถคืนได้ ให้ชดใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยก่อสร้างถนนโดยยึดถือแนวเขตทางตามบัญชีเขตทางหลวงอันเป็นหลักฐานของทางราชการ จึงไม่ได้เป็นการก่อสร้างรุกล้ำที่ดินของโจทก์ คำฟ้องโจทก์เคลือบคลุม คดีขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยยื่นคำร้องโต้แย้งเขตอำนาจศาลว่า จำเลยเป็นหน่วยงานทางปกครอง เมื่อโจทก์อ้างว่าจำเลยก่อสร้างถนนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ขอให้จำเลยส่งมอบที่ดินคืนและชดใช้ค่าเสียหาย กรณีจึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย หรือจากกฎ คำสั่งทางปกครองหรือคำสั่งอื่น ซึ่งอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
ศาลแพ่งพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่โจทก์อ้างว่าจำเลยได้สร้างถนนและขยายผิวการจราจรรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ แต่จำเลยโต้แย้งสิทธิในที่ดินว่าที่พิพาทอยู่ในเขตทางหลวงแผ่นดิน ในการพิจารณาพิพากษาของศาลคงมีประเด็นต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่า ที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ตามที่กล่าวอ้างหรือไม่ แล้วจึงจะพิจารณาได้ว่าจำเลยกระทำละเมิดหรือไม่ ซึ่งการพิจารณาสิทธิในที่ดินต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์และประมวลกฎหมายที่ดินประกอบด้วย คดีนี้จึงอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
ศาลปกครองกลางพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้จำเลยเป็นส่วนราชการอยู่ในสังกัดกระทรวงคมนาคม และข้อ ๒ ของกฎกระทรวง แบ่งส่วนราชการกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ กำหนดให้จำเลยมีภารกิจเกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านทางหลวง การก่อสร้าง และบำรุงรักษาทางหลวงให้มีโครงข่ายทางหลวงที่สมบูรณ์ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ และเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกรวดเร็วและปลอดภัยในการเดินทาง จำเลยจึงเป็นหน่วยงานทางปกครอง เมื่อโจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ดำเนินการก่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔ (ถนนเพชรเกษม) รุกล้ำเข้าไปในที่ดินมีโฉนดของโจทก์บางส่วน โดยมิได้อยู่ในเขตเวนคืนหรือมีการขายที่ดินให้แก่จำเลยแต่อย่างใด ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้จำเลยส่งมอบที่ดินพิพาทคืนให้แก่โจทก์ หากไม่สามารถคืนที่ดินได้ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย กรณีจึงเป็น คดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครองอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ สำหรับประเด็นที่ต้องพิจารณาว่าการก่อสร้างถนนของจำเลยเป็นการก่อสร้างโดยยึดแนวเขตทางตามบัญชีเขตทางหลวงหรือเป็นการก่อสร้างรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ เป็นประเด็นปัญหาข้อเท็จจริงหนึ่งในหลายประเด็นที่ศาลจะต้องพิจารณาในเนื้อหาของคดีเท่านั้น และแม้การพิจารณาในเรื่องสิทธิในที่ดินพิพาทจะต้องพิจารณาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือประมวลกฎหมายที่ดินก็ตาม แต่การพิจารณาในปัญหาดังกล่าวก็มิใช่เกณฑ์การพิจารณาว่าคดีอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลใด อีกทั้งไม่มีบทบัญญัติใดห้ามศาลปกครองมิให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายดังกล่าวมาใช้บังคับแก่คดีได้ ศาลปกครองจึงนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายดังกล่าวมาใช้บังคับแก่คดีได้เช่นเดียวกัน คดีนี้จึงอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง

คำวินิจฉัย
ปัญหาที่ต้องพิจารณา คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรมหรือศาลปกครอง
คณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้โจทก์เป็นเอกชนยื่นฟ้องจำเลยซึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครองอ้างว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินมีโฉนด ได้ยื่นคำขอรังวัดสอบเขตที่ดินต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครปฐม สาขานครชัยศรี ผลการรังวัดปรากฏว่าจำเลยได้ก่อสร้างถนนรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์บางส่วน ขอให้บังคับจำเลยส่งมอบที่ดินส่วนที่รุกล้ำคืนแก่โจทก์ในสภาพเดิม หากไม่สามารถคืนได้ ให้ชดใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ ส่วนจำเลยให้การว่า ได้ก่อสร้างถนนโดยยึดถือแนวเขตทางตามบัญชีเขตทางหลวงอันเป็นหลักฐานของทางราชการ จึงไม่ได้เป็นการก่อสร้างรุกล้ำที่ดินของโจทก์ เห็นว่า การที่ศาลจะมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งตามคำขอของโจทก์ได้นั้น จำต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่า ที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ตามที่กล่าวอ้างหรือเป็นที่อยู่ในเขตทางหลวงแผ่นดินเป็นสำคัญ แล้วจึงจะพิจารณาประเด็นอื่นต่อไป จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
จึงวินิจฉัยชี้ขาดว่า คดีระหว่าง นางลีหนา โลจนะโกสินทร์ โจทก์ กรมทางหลวง จำเลย อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

(ลงชื่อ) ดิเรก อิงคนินันท์ (ลงชื่อ) สุวัฒน์ วรรธนะหทัย
(นายดิเรก อิงคนินันท์) (นายสุวัฒน์ วรรธนะหทัย)
ประธานศาลฎีกา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลยุติธรรม

(ลงชื่อ) หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล (ลงชื่อ) จรัญ หัตถกรรม
(นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล) (นายจรัญ หัตถกรรม)
ประธานศาลปกครองสูงสุด กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลปกครอง

(ลงชื่อ) พลเรือโท กฤษฎา เจริญพานิช (ลงชื่อ) พลตรี พัฒนพงษ์ เกิดอุดม
(กฤษฎา เจริญพานิช) (พัฒนพงษ์ เกิดอุดม)
หัวหน้าสำนักตุลาการทหาร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลทหาร

(ลงชื่อ) จิระ บุญพจนสุนทร
(นายจิระ บุญพจนสุนทร)
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ

Share