คำวินิจฉัยที่ 30/2548

แหล่งที่มา : ส่วนเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ

ย่อสั้น

ไม่มีย่อสั้น

ย่อยาว

(สำเนา)

คำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
ที่ ๓๐/๒๕๔๘

วันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๘

เรื่อง คดีเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน

ศาลจังหวัดมหาสารคาม
ระหว่าง
ศาลปกครองขอนแก่น

การส่งเรื่องต่อคณะกรรมการ
ศาลจังหวัดมหาสารคามโดยสำนักงานศาลยุติธรรมส่งเรื่องให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง (๓) ซึ่งเป็นกรณีคู่ความฝ่ายที่ถูกฟ้องโต้แย้งเขตอำนาจศาลที่รับฟ้องคดีและศาลที่ส่งความเห็นและศาลที่รับความเห็นมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องเขตอำนาจศาลในคดีนั้น

ข้อเท็จจริงในคดี
นางปาน จำรัสศรี โจทก์ ยื่นฟ้องผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม จำเลย ต่อศาลจังหวัดมหาสารคาม เป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๑๖๖๙/๒๕๔๗ ความว่า เดิมนายสอน คำตัน พี่ชายโจทก์ เป็นเจ้าของที่ดินตามแบบแจ้งการครอบครอง (ส.ค. ๑) เลขที่ ๑๑๙ ตำบลท่าขอนยาง อำเภอเมือง (ที่ถูกอำเภอกันทรวิชัย) จังหวัดมหาสารคาม ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๙๘ นายสอนไปประกอบอาชีพที่ต่างจังหวัดจึงยกที่ดินแปลงดังกล่าวให้โจทก์ และในปี พ.ศ. ๒๕๑๖ นายเจียม จำรัสศรี สามีโจทก์ ได้ไปขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์โดยนำเจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดสอบสวนสิทธิและพิสูจน์การทำประโยชน์โดยชอบ เจ้าพนักงานที่ดินได้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินแปลงดังกล่าวให้เป็น น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๒๐๔๐ ตำบลท่าขอนยาง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม ต่อมา ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๒๒ นายสอนขอที่ดินแปลงดังกล่าวคืนจากโจทก์แต่สามีโจทก์ไม่คืนให้ นายสอนจึงร้องเรียนเท็จไปยังสำนักงานที่ดินอำเภอกันทรวิชัยว่า สามีโจทก์สร้างหลักฐานเท็จว่านายสอนยกที่ดินให้ ทั้งนำพยานหลักฐานเท็จมานำสืบจนเจ้าพนักงานที่ดินหลงเชื่อและเสนอให้เพิกถอน น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๒๐๔๐ ของสามีโจทก์ และต่อมา จำเลยได้มีคำสั่งจังหวัดมหาสารคามที่ ๔๗๖/๒๕๒๔ ให้เพิกถอน น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๒๐๔๐ ตำบลท่าขอนยาง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จึงขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคำสั่งให้เพิกถอน น.ส. ๓ ก. ของสามีโจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เนื่องจากจำเลยเป็นหน่วยงานทางปกครองและเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ใช้อำนาจตามความในมาตรา ๖๑ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เพิกถอน น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๒๐๔๐ ตำบลท่าขอนยาง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม เนื่องจากการออก น.ส. ๓ ก. ดังกล่าวให้แก่นายเจียมเป็นไปโดยผิดพลาดคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง โดยออกทับที่ดิน ส.ค. ๑ เลขที่ ๙๗ และ ส.ค. ๑ เลขที่ ๑๖๑ หมู่ที่ ๑ ตำบลท่าขอนยาง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งนายสอนเป็นผู้มีสิทธิครอบครองและทำประโยชน์ตลอดมา โดยนายเจียมได้นำเจ้าพนักงานที่ดินเดินสำรวจรังวัดออก น.ส. ๓ ก. โดยใช้รูปถ่ายทางอากาศ พร้อมทั้งแจ้งหลักฐานในการขอออกในแบบบันทึกการสอบสวนสิทธิและพิสูจน์การทำประโยชน์ว่าเป็นที่ดิน ส.ค. ๑ เลขที่ ๑๑๙ หมู่ที่ ๑ ตำบลท่าขอนยาง อำเภอกันทรวิชัย ซึ่งมีชื่อนายสอนเป็นผู้แจ้งการครอบครอง และอ้างว่านายสอนยกที่ดินแปลงดังกล่าวให้เมื่อ ๑๘ ปี มาแล้ว เจ้าพนักงานที่ดินจึงออก น.ส. ๓ ก. ให้แก่นายเจียม ต่อมา นายสอนทราบว่า นายเจียมนำเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดออก น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๒๐๔๐ ดังกล่าว ทับที่ดิน ส.ค. ๑ เลขที่ ๙๗ และเลขที่ ๑๖๑ ที่นายสอนครอบครองอยู่จึงร้องเรียนต่อนายอำเภอกันทรวิชัยให้ทำการสอบสวนและเพิกถอน น.ส. ก. ดังกล่าว เจ้าพนักงานได้ทำการสอบสวนโดยชอบแล้วพบว่า นายเจียมไม่ใช่ผู้มีสิทธิครอบครองที่ดิน ส.ค. ๑ เลขที่ ๙๗ และเลขที่ ๑๖๑ ที่จะขอออก น.ส. ๓ ก. ได้ ส่วนที่ดิน ส.ค. ๑ เลขที่ ๑๑๙ ที่นายเจียมอ้างเป็นหลักฐานในการขอออก น.ส. ๓ ก. นั้น เป็นที่ดินคนละแปลงกับที่ดิน ส.ค. ๑ เลขที่ ๙๗ ที่นายเจียมนำพนักงานเจ้าหน้าที่ออกไปรังวัดขอออก น.ส. ๓ ก. และนายสอนไม่เคยยกที่ดินแปลงดังกล่าวให้โจทก์ การออก น.ส. ๓ ก. ดังกล่าวจึงเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่จึงใช้อำนาจตามมาตรา ๖๑ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ออกคำสั่งที่ ๔๗๖/๒๕๒๔ เพิกถอน น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๒๐๔๐ คำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งทางปกครอง ไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม และคดีโจทก์ขาดอายุความขอให้ยกฟ้อง อนึ่ง จำเลยยื่นคำร้องให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายเรื่องเขตอำนาจศาล
ศาลจังหวัดมหาสารคามเห็นว่า การที่ศาลจะพิจารณาว่าคำสั่งของจำเลยชอบด้วยกฎหมายที่ศาลจะเพิกถอนได้หรือไม่ จำต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่า การขอออก น.ส. ๓ ก. ในที่ดินพิพาท ส.ค. ๑ เลขที่ ๑๑๙ ของนายเจียม สามีโจทก์เป็นไปโดยชอบหรือไม่ และเป็นการออกทับ ส.ค. ๑ เลขที่ ๙๗ และเลขที่ ๑๖๑ ของนายสอนหรือไม่ ซึ่งจะต้องพิจารณาพยานหลักฐานไปตามประมวลกฎหมายที่ดินและประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
ศาลปกครองขอนแก่นเห็นว่า คดีพิพาทคดีนี้ จำเลยยอมรับว่าได้ออก น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๒๐๔๐ ให้แก่นายเจียมเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายโดยออกทับที่ดิน ส.ค. ๑ ของนายสอน จำเลยจึงใช้อำนาจตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๖๑ ออกคำสั่งเพิกถอน น.ส. ๓ ก. ดังกล่าว ในการพิจารณามีประเด็นพิพาทเพียงว่า คำสั่งจังหวัดมหาสารคามที่ ๔๗๖/๒๕๒๔ เรื่อง เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ ๒๐๔๐ ตำบลท่าขอนยาง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โดยศาลมีอำนาจในการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าผู้ออกคำสั่งมีอำนาจหรือไม่ กระบวนการหรือขั้นตอนก่อนมีคำสั่งชอบหรือไม่ และการใช้ดุลพินิจออกคำสั่งว่าการออก น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๒๐๔๐ ไม่เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้ (การออก น.ส. ๓ ก. โดยอาศัยหลักฐาน ส.ค. ๑ คนละแปลง) เป็นไปโดยชอบหรือไม่ ทั้งนี้ ตามที่ประมวลกฎหมายที่ดินบัญญัติ ไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่าใครมีกรรมสิทธิ์ดีกว่ากัน กรณีเป็นการฟ้องว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นคดีปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คดีนี้จึงอยู่ในเขตอำนาจของศาลปกครองขอนแก่น

คำวินิจฉัย
ปัญหาที่ต้องพิจารณา คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรมหรือศาลปกครอง
คณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้ข้อเท็จจริงตามฟ้องสรุปได้ว่า นายสอน คำตัน พี่ชายโจทก์ เป็นเจ้าของที่ดินตามแบบแจ้งการครอบครอง (ส.ค. ๑) เลขที่ ๑๑๙ ตำบลท่าขอนยาง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม ต่อมาได้ยกที่ดินแปลงดังกล่าวให้โจทก์และนายเจียม จำรัสศรี สามีโจทก์ ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินแปลงดังกล่าวต่อเจ้าพนักงานที่ดินโดยชอบเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓ ก.) เลขที่ ๒๐๔๐ ตำบลท่าขอนยาง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม แต่ปรากฏว่าจำเลยมีคำสั่ง ที่ ๔๗๖/๒๕๒๔ เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓ ก.) ดังกล่าว ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคำสั่งให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓ ก.) ของสามีโจทก์ ส่วนจำเลยให้การสรุปได้ว่า เนื่องจากการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓ ก.) ดังกล่าวผิดพลาดคลาดเคลื่อนโดยออกทับที่ดิน ส.ค. ๑ เลขที่ ๙๗ และ เลขที่ ๑๖๑ ซึ่งนายสอนพี่ชายโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครอง จำเลยในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่จึงมีอำนาจเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓ ก.) ตามมาตรา ๖๑ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน คำสั่งดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ดังนั้น มูลความแห่งคดีนี้จึงสืบเนื่องมาจากคำสั่งของฝ่ายปกครองที่ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓ ก.) ของสามีโจทก์ แต่โจทก์เห็นว่าที่ดินพิพาทเป็นของสามีโจทก์ การออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓ ก.) จึงชอบแล้ว แม้โจทก์จะมิได้กล่าวอ้างว่าตนเองเป็นผู้มีสิทธิในที่ดินพิพาท และคำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งทางปกครองตามมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ก็ตาม แต่การที่ศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งตามคำขอของโจทก์ได้นั้น ศาลจำต้องพิจารณาให้ได้ความก่อนว่าที่ดินพิพาทเป็นของสามีโจทก์หรือเป็นของพี่ชายโจทก์เป็นสำคัญ แล้วจึงจะพิจารณาได้ว่าคำสั่งดังกล่าวตามฟ้องชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ทั้งผลของคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลย่อมมีผลกระทบกระเทือนต่อสิทธิในที่ดินของสามีโจทก์โดยตรง คดีนี้จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินระหว่างคู่ความ อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
จึงวินิจฉัยชี้ขาดว่า คดีระหว่าง นางปาน จำรัสศรี โจทก์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม จำเลย อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

(ลงชื่อ) ศุภชัย ภู่งาม (ลงชื่อ) วิชัย วิวิตเสวี
(นายศุภชัย ภู่งาม) (นายวิชัย วิวิตเสวี)
ประธานศาลฎีกา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลยุติธรรม

(ลงชื่อ) อักขราทร จุฬารัตน (ลงชื่อ) อัครวิทย์ สุมาวงศ์
(นายอักขราทร จุฬารัตน) (นายอัครวิทย์ สุมาวงศ์)
ประธานศาลปกครองสูงสุด กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลปกครอง

(ลงชื่อ) พลโท วิรัตน์ บรรเลง (ลงชื่อ) พลโท อาชวัน อินทรเกสร
(วิรัตน์ บรรเลง) (อาชวัน อินทรเกสร)
หัวหน้าสำนักตุลาการทหาร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลทหาร

(ลงชื่อ) พรชัย รัศมีแพทย์
(นายพรชัย รัศมีแพทย์)
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
วัชรินทร์ คัด/ทาน

Share