คำวินิจฉัยที่ 28/2562

แหล่งที่มา : สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ

ย่อสั้น

คดีนี้เอกชนยื่นฟ้องเจ้าพนักงานที่ดินและกรมที่ดิน ขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพิกถอนคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองที่ไม่พิจารณาออกโฉนดที่ดินให้แก่ผู้ฟ้องคดีที่ ๑ ให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองร่วมกันออกโฉนดที่ดินแปลงพิพาทให้แก่ผู้ฟ้องคดีที่ ๑ แม้ผู้ฟ้องคดีที่ ๑ (ศาลมีคำสั่งไม่รับฟ้องผู้ฟ้องคดีที่ ๒) จะขอให้เพิกถอนคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ที่ไม่พิจารณาออกโฉนดที่ดินให้แก่ผู้ฟ้องคดีทั้งสอง แต่การที่ศาลปกครองพิษณุโลกจะกำหนดให้มีคำบังคับตามคำขอต่าง ๆ ดังกล่าวได้หรือไม่ จะต้องพิจารณาพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๗๒ ประกอบด้วย การที่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองจะเพิกถอนคำสั่งไม่พิจารณาออกโฉนดที่ดินแปลงพิพาทให้แก่ผู้ฟ้องคดีที่ ๑ หรือไม่นั้น ต้องเป็นไปตามอำนาจแห่งสิทธิของเอกชนในที่ดินแปลงนั้น ๆ ซึ่งในกรณีคดีนี้การที่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองจะดำเนินการตามคำขอของผู้ฟ้องคดีที่ ๑ ได้หรือไม่ ก็ต้องเป็นไปตามผลของอำนาจแห่งสิทธินั้น ๆ ว่าที่ดินพิพาทผู้ฟ้องคดีที่ ๑ มีสิทธิครอบครองหรือเป็นที่สาธารณะที่ราษฎรใช้ประโยชน์ร่วมกัน จากนั้น ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองจึงจะสามารถดำเนินการต่อไปได้ การกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองเป็นเพียงกรณีที่ต้องดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขแห่งสิทธิในที่ดินที่ถูกต้องแท้จริงของเอกชนแต่ละรายเท่านั้น ดังนั้นการออกโฉนดที่ดินต้องดำเนินการไปตามอำนาจแห่งสิทธิของเอกชนนั้นเช่นเดียวกัน เมื่อเหตุแห่งการฟ้องคดีนี้สืบเนื่องมาจากผู้ฟ้องคดีที่ ๑ กล่าวอ้างว่าได้ครอบครองที่ดินพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายและขอให้เพิกถอนคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองที่ไม่พิจารณาออกโฉนดที่ดินให้แก่ผู้ฟ้องคดี โดยมิได้อ้างเหตุแห่งความไม่ชอบด้วยกฎหมายในการออกคำสั่งไม่พิจารณาออกโฉนดที่ดินให้แก่ผู้ฟ้องคดีที่ ๑ ประการอื่น ประกอบกับพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๘ วรรคสาม บัญญัติให้ผู้มีหลักฐานแจ้งการครอบครองที่ดินมาขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ พนักงานเจ้าหน้าที่จะออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้ได้ต่อเมื่อศาลยุติธรรมได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดว่าผู้นั้นเป็นผู้ซึ่งได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ ทั้งความมุ่งหมายของผู้ฟ้องคดีที่ ๑ ในการใช้สิทธิทางศาล ก็เพื่อให้ศาลมีคำพิพากษารับรองคุ้มครองสิทธิในที่ดินของผู้ฟ้องคดีที่ ๑ ตามที่กล่าวอ้างว่าตนมีสิทธิครอบครองเป็นสำคัญ การที่ศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งตามคำขอของผู้ฟ้องคดีที่ ๑ ได้นั้น ศาลจำต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่าที่ดินพิพาทเป็นสิทธิครอบครองของผู้ฟ้องคดีที่ ๑ หรือเป็นที่สาธารณะที่ราษฎรใช้ประโยชน์ร่วมกัน คดีนี้จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

Share