แหล่งที่มา : ส่วนเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ
ย่อสั้น
ไม่มีย่อสั้น
ย่อยาว
(สำเนา)
คำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
ที่ ๑๙/๒๕๔๗
วันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๔๗
เรื่อง เขตอำนาจศาลเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน
ศาลปกครองขอนแก่น
ระหว่าง
ศาลจังหวัดหนองบัวลำภู
การส่งเรื่องต่อคณะกรรมการ
ศาลปกครองขอนแก่นส่งเรื่องให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๒ วรรคสอง ซึ่งเป็นกรณีมีการฟ้องคดีต่อศาล แต่ศาลนั้นไม่รับฟ้องเพราะเหตุว่าคดีดังกล่าวอยู่ในเขตอำนาจของอีกศาลหนึ่ง เมื่อมีการฟ้องคดีต่ออีกศาลหนึ่งแล้ว ศาลดังกล่าวเห็นว่าคดีไม่อยู่ในเขตอำนาจเช่นกัน
ข้อเท็จจริงในคดี
เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๔๕ นายบุญมี สิงห์หล้า เป็นโจทก์ยื่นฟ้องกรมที่ดินที่ ๑ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู ที่ ๒ นายอำเภอศรีบุญเรือง ที่ ๓ จำเลย ต่อศาลจังหวัดหนองบัวลำภู เป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๔๓๑/๒๕๔๕ ว่า โจทก์เป็นเจ้าของสิทธิครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓ ก.) เลขที่ ๒๗๑๘ เลขที่ดิน ๘๙ตำบลนากอกอำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู จำนวน ๒๗ ไร่ ๒๐ ตารางวา ซึ่งโจทก์ได้ครอบครองทำประโยชน์ติดต่อกันมาตลอด ต่อมา จำเลยที่ ๑ ได้ออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงแปลง “พนังบ้านแกสาธารณประโยชน์” เลขที่ ๔๓๑๙๐ ทับที่ดิน น.ส. ๓ ก. ดังกล่าวของโจทก์จำนวนเนื้อที่ประมาณ ๒๐ ไร่ ๓๘ ตารางวา โดยโจทก์ไม่ทราบเรื่องและมิได้ให้ความยินยอม โจทก์จึงได้ทำหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมไปยังจำเลยที่ ๒ ซึ่งจำเลยที่ ๒ ได้สั่งการให้จำเลยที่ ๓ตรวจสอบข้อเท็จจริงและได้มีการออกใบแทน น.ส. ๓ ก. ดังกล่าวให้แก่โจทก์โจทก์เห็นว่าการกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมาย รบกวนการครอบครองที่ดินของโจทก์ จึงขอให้เพิกถอนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (น.ส.ล.) เลขที่๔๓๑๙๐ แปลงพนังบ้านแกสาธารณประโยชน์ หมู่ ๖ ตำบลนากอก อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู เนื้อที่ประมาณ๒๐ ไร่ ๓๗ ตารางวา และให้โจทก์ได้สิทธิครอบครองในที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส. ๓ ก.) เลขที่ ๒๗๑๘ เล่ม ๒๘ ก. หน้า ๑๘ ตำบลนากอก อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู
ศาลจังหวัดหนองบัวลำภูพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คำฟ้องของโจทก์ขอให้ศาลเพิกถอนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง โดยอ้างว่าการออกหนังสือดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นการโต้แย้งเกี่ยวกับการกระทำทางปกครอง ส่วนคำขออื่น ๆ เป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องจากการกระทำดังกล่าว คดีจึงไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลจังหวัดหนองบัวลำภู จึงมีคำสั่งไม่รับฟ้องและให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ
ต่อมา วันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๔๕ ผู้ฟ้องคดี (โจทก์) นำคดีนี้ไปฟ้องผู้ถูกฟ้องคดี(จำเลย) ทั้งสามต่อศาลปกครองขอนแก่น เป็นคดีหมายเลขดำที่ ๑๙๖/๒๕๔๕ โดยมีข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่า ภายหลัง ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ได้ทำเรื่องเสนอผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ แจ้งว่าที่ดินน.ส. ๓ ก.ของผู้ฟ้องคดีเป็นที่สาธารณประโยชน์ การออกเอกสารสิทธิให้เป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายคณะกรรมการประสานการแก้ไขปัญหาบุกรุกที่ดินของรัฐส่วนจังหวัดหนองบัวลำภู ที่มีผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ เป็นประธานจึงมีมติให้เพิกถอนเอกสารสิทธิดังกล่าว การกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามเป็นไปโดยมิชอบ ทำให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเสียหาย ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนมติที่ประชุมคณะกรรมการประสานการแก้ไขปัญหาบุกรุกที่ดินของรัฐส่วนจังหวัดหนองบัวลำภู ขอให้เพิกถอนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง “พนังบ้านแกสาธารณประโยชน์” ในส่วนที่ทับที่ดินของผู้ฟ้องคดี และห้ามผู้ถูกฟ้องคดีเข้าเกี่ยวข้องรบกวนสิทธิครอบครองของผู้ฟ้องคดีอีกต่อไป
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ให้การว่า เจ้าพนักงานที่ดินได้ดำเนินการรังวัดตรวจสอบและผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้ออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงโดยดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องครบถ้วนแล้ว แม้หนังสือดังกล่าวจะออกทับที่ดิน น.ส. ๓ ก. ของผู้ฟ้องคดี จำนวน๒๐ไร่ ๓๘ ตารางวา โดยไม่ได้มีการแจ้งให้ผู้ฟ้องคดีมาลงชื่อและรับรองแนวเขต แต่ที่ดินดังกล่าวก็ยังเป็นที่สาธารณประโยชน์ เพราะปรากฏข้อเท็จจริงจากการตรวจสอบและจากระวางภาพถ่ายทางอากาศว่าเป็นที่ดินที่ประชาชนใช้สอยร่วมกันมาโดยตลอด มติที่ประชุมคณะกรรมการประสานการแก้ไขปัญหาบุกรุกที่ดินของรัฐส่วนจังหวัดหนองบัวลำภูที่ให้เพิกถอนเอกสารสิทธิน.ส. ๓ ก. เป็นไปโดยถูกต้องแล้ว เพราะการออกเอกสารสิทธิ น.ส. ๓ ก. ให้ผู้ฟ้องคดีเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ให้การว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ได้รับคำสั่งจากจังหวัดอุดรธานีให้ขอออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงสำหรับที่สาธารณประโยชน์ที่ยังไม่มีเอกสารสิทธิ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ จึงได้ยื่นขอออกหนังสือที่ดินแปลง “พนังบ้านแกสาธารณประโยชน์” อันเป็นที่สำหรับประชาชนใช้เป็นทำเลเลี้ยงสัตว์ เจ้าหน้าที่ที่ดินจึงได้ทำการรังวัดที่ดินดังกล่าวและออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง เลขที่ ๔๓๑๙๐ ให้ โดยผู้ฟ้องคดีมิได้มาคัดค้านแต่อย่างใดสำหรับการทำประโยชน์ของผู้ฟ้องคดีในที่ดินพิพาทนั้นถือเป็นการบุกรุกรบกวนการใช้ร่วมกันของประชาชนในที่สาธารณประโยชน์ ผู้ฟ้องคดีไม่มีสิทธิในที่ดินพิพาท
ผู้ฟ้องคดียื่นคำคัดค้านคำให้การว่า การออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะการสำรวจรังวัดไม่ชอบด้วยกฎหมายและระเบียบเนื่องจากมิได้จัดให้ผู้ฟ้องคดีรับรองแนวเขตที่ดินข้างเคียง ที่ผู้ฟ้องคดีไม่ได้คัดค้านเพราะไม่ทราบเรื่องการรังวัด นอกจากนี้ ที่ดินพิพาทมิใช่ที่สาธารณประโยชน์ หากแต่เป็นที่ดินที่บิดาผู้ฟ้องคดีได้ทำประโยชน์มานานแล้ว ดังหลักฐานที่ปรากฏในระวางรูปถ่ายทางอากาศที่ใช้ประกอบในการออก น.ส. ๓ ก. ให้ผู้ฟ้องคดี ซึ่งเรื่องนี้มีผู้ให้ถ้อยคำยืนยันในการรังวัดเพื่อออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงว่าที่พิพาทมิได้เป็นที่หลวงด้วย แต่ผู้ถูกฟ้องคดีมิได้นำถ้อยคำดังกล่าวมาพิจารณา
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ให้การเพิ่มเติมว่า ตามระวางภาพถ่ายทางอากาศไม่ปรากฏร่องรอยการทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทของผู้ฟ้องคดีแต่อย่างใด นอกจากนี้ ที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณประโยชน์ที่ประชาชนใช้ร่วมกันตามความเป็นจริง สำหรับการมีทะเบียนที่สาธารณะหรือไม่ ไม่ทำให้สภาพความเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทพลเมืองใช้ร่วมกันสิ้นสุดไป
ศาลปกครองขอนแก่นพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ประเด็นหลักแห่งคดีเป็นการฟ้องขอให้เพิกถอนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง เลขที่ ๔๓๑๙๐ แปลงพนังบ้านแกสาธารณประโยชน์ตำบลนากอก อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่งออกเมื่อวันที่ ๑๙มีนาคม ๒๕๓๓ การที่ศาลจะมีคำพิพากษาเพิกถอนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงนั้น ศาลจะต้องพิจารณาให้ได้ข้อเท็จจริงเสียก่อนว่า ที่พิพาทมิใช่ที่ดินสาธารณประโยชน์ แต่เป็นที่ดินที่ผู้ฟ้องคดีมีสิทธิครอบครอง จึงเป็นการพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินภายใต้บังคับแห่งบทบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ประกอบกับประมวลกฎหมายที่ดินและกฎหมายอื่นที่บัญญัติไว้เป็นพิเศษ ซึ่งอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม คดีนี้จึงมิใช่คดีพิพาทที่อยู่ในอำนาจพิพากษาหรือมีคำสั่งของศาลปกครอง ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ แต่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรมตามนัยคำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล ที่ ๖/๒๕๔๖ นอกจากนี้ ศาลปกครองขอนแก่นได้สอบถามความเห็นเกี่ยวกับเขตอำนาจศาลไปยังคู่กรณีทั้งสองฝ่าย ต่างเห็นด้วยกับความเห็นของศาลปกครองขอนแก่น
คำวินิจฉัย
ปัญหาที่จะต้องพิจารณา คือ การพิจารณาวินิจฉัยเกี่ยวกับปัญหาการออกเอกสารสิทธิในที่ดินอยู่ในเขตอำนาจของศาลยุติธรรมหรือศาลปกครอง
คณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่า ประเด็นที่ต้องพิจารณาเบื้องต้นมีว่า ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามเป็นฝ่ายปกครองหรือไม่ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ เป็นราชการส่วนกลาง ผู้ถูกฟ้องคดีที่๒ และ ที่ ๓ เป็นเจ้าพนักงานของรัฐจึงมีฐานะเป็นฝ่ายปกครองตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒
สำหรับประเด็นที่ผู้ฟ้องคดีและผู้ถูกฟ้องคดีโต้แย้งกันว่า การออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงแปลง “พนังบ้านแกสาธารณประโยชน์” เลขที่ ๔๓๑๙๐ ทับที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓ ก.) เลขที่ ๒๗๑๘ เลขที่ดิน ๘๙ ตำบลนากอก อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู ของผู้ฟ้องคดีโดยมิชอบหรือไม่ และการออก น.ส. ๓ ก. ดังกล่าวให้ผู้ฟ้องคดีเป็นไปโดยชอบหรือไม่นั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามข้อเท็จจริงในคำฟ้องคำให้การคำคัดค้านคำให้การและคำให้การเพิ่มเติม ผู้ฟ้องคดีฟ้องว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ดินที่ตนใช้ประโยชน์มาอย่างต่อเนื่อง จึงมีสิทธิครอบครองในที่ดินโดยชอบ ทั้งมีเอกสารสิทธิ น.ส. ๓ก.เป็นหลักฐานถูกต้อง ส่วนผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ โต้แย้งว่าที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณประโยชน์ที่ประชาชนใช้ร่วมกัน โดยใช้เป็นพื้นที่เลี้ยงสัตว์สาธารณะมาตลอด การออกเอกสารสิทธิ น.ส.๓ก. ในที่พิพาทเป็นไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย แต่การออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงเป็นไปโดยถูกต้องแล้ว เรื่องนี้ แม้ในรายละเอียด คู่กรณีจะมีการโต้แย้งกันเรื่องกระบวนการรังวัดเพื่อออกเอกสารสิทธิว่าผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องหรือไม่ แต่ประเด็นหลักแห่งคดียังเป็นการโต้แย้งสิทธิในที่ดินระหว่างผู้ฟ้องคดีและผู้ถูกฟ้องคดีว่าที่ดินพิพาทเป็นสิทธิของผู้ใด กรณีจึงเป็นเรื่องพิพาทกันเกี่ยวกับสิทธิในทรัพย์สิน อันเป็นอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลยุติธรรม ดังนั้น คดีนี้จึงอยู่ในอำนาจของศาลยุติธรรม
จึงวินิจฉัยชี้ขาดว่า การพิจารณาวินิจฉัยเกี่ยวกับปัญหาการออกเอกสารสิทธิในที่ดินระหว่าง นายบุญมี สิงห์หล้า ผู้ฟ้องคดี กรมที่ดิน ที่ ๑ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู ที่๒ นายอำเภอศรีบุญเรือง ที่ ๓ ผู้ถูกฟ้องคดี อยู่ในเขตอำนาจของศาลยุติธรรม ซึ่งในคดีนี้ได้แก่ศาลจังหวัดหนองบัวลำภู
(ลงชื่อ) อรรถนิติ ดิษฐอำนาจ (ลงชื่อ) เฉลิมชัย เกษมสันต์
(นายอรรถนิติ ดิษฐอำนาจ) (หม่อมหลวงเฉลิมชัย เกษมสันต์)
ประธานศาลฎีกา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลยุติธรรม
(ลงชื่อ) อักขราทร จุฬารัตน (ลงชื่อ) อัครวิทย์ สุมาวงศ์
(นายอักขราทร จุฬารัตน) (นายอัครวิทย์ สุมาวงศ์)
ประธานศาลปกครองสูงสุด กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลปกครอง
(ลงชื่อ) พลโท อัฏฐพร เจริญพานิช (ลงชื่อ) พลโท อาชวัน อินทรเกสร
(อัฏฐพร เจริญพานิช) (อาชวัน อินทรเกสร)
หัวหน้าสำนักตุลาการทหาร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลทหาร
(ลงชื่อ) พรชัย รัศมีแพทย์
(นายพรชัย รัศมีแพทย์)
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
๕