คำวินิจฉัยที่ 120/2556

แหล่งที่มา : ส่วนเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ

ย่อสั้น

คดีที่โจทก์เป็นเอกชนยื่นฟ้องจำเลยทั้งสามซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐ อ้างว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินตาม น.ส. ๓ ก. โดยซื้อมาและจดทะเบียนต่อจำเลยที่ ๓ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานที่ดิน แต่จำเลยที่ ๓ มีหนังสือแจ้งโจทก์ว่าการจดทะเบียนดังกล่าวคลาดเคลื่อน เพราะอยู่ในเขตป่าคุ้มครองตาม พ.ร.บ.คุ้มครองและสงวนป่า พ.ศ. ๒๔๘๑ และ พ.ร.ฎ.กำหนดที่ดินเป็นป่าคุ้มครอง ป่าบางละมุง จึงมีคำสั่งเพิกถอน น.ส. ๓ ก. ของโจทก์ ขอให้พิพากษาเพิกถอนคำสั่งเพิกถอน น.ส. ๓ ก. ของโจทก์ จำเลยทั้งสามให้การว่า ที่ดินพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้เขตศรีราชาตรวจสอบพบว่า อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติบางละมุง การเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์จึงชอบด้วยกฎหมาย เห็นว่า การที่ศาลจะพิพากษาตามคำขอของโจทก์ได้นั้น จะต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่า ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ตามที่กล่าวอ้างหรือเป็นที่ดินที่อยู่ในเขตป่าคุ้มครองอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน จึงเป็นคดีเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน แต่อย่างไรก็ตามเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่ามีเอกชนผู้ซื้อที่ดินและผู้รับจำนองที่ดินแปลงอื่นที่ออก น.ส. ๓ ก. โดยอาศัยหลักฐาน ส.ค. ๑ เช่นเดียวกับที่ดินของโจทก์และอยู่ในบริเวณเดียวกับที่ดินของโจทก์ได้ยื่นฟ้องอธิบดีกรมที่ดิน จำเลยที่ ๒ ต่อศาลปกครองกลาง ขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินกรณีให้แก้ไขรูปแผนที่และเนื้อที่ใน น.ส. ๓ ก. ที่ออกโดยอาศัย ส.ค. ๑ ซึ่งศาลปกครองกลางได้พิจารณาและมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ข้อพิพาทในคดีนี้จึงชอบที่จะพิจารณาพิพากษาในศาลปกครอง

ย่อยาว

สำเนา

คำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
ที่ ๑๒๐/๒๕๕๖

วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖

เรื่อง คดีเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน

ศาลแพ่ง
ระหว่าง
ศาลปกครองระยอง

การส่งเรื่องต่อคณะกรรมการ
ศาลแพ่งโดยสำนักงานศาลยุติธรรมส่งเรื่องให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลวินิจฉัยชี้ขาดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๒ วรรคสอง ซึ่งเป็นกรณีที่ศาลหนึ่งไม่รับฟ้องเพราะเห็นว่าคดีอยู่ในเขตอำนาจของอีกศาลหนึ่ง เมื่อมีการฟ้องคดีต่ออีกศาลหนึ่งแล้ว ศาลดังกล่าวเห็นว่าคดีนั้นไม่อยู่ในเขตอำนาจเช่นกัน

ข้อเท็จจริงในคดี
เมื่อวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๕๒ นายกตพล คงอุดม โจทก์ ยื่นฟ้องกรมที่ดิน ที่ ๑ อธิบดีกรมที่ดิน ที่ ๒ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี สาขาบางละมุง ที่ ๓ จำเลย ต่อศาลแพ่ง เป็นคดีหมายเลขดำที่ ๗/๒๕๕๒ ความว่า โจทก์เป็นเจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินตาม น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๑๑๐๗ ตำบลเขาไม้แก้ว อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เนื้อที่ ๗๐ ไร่ โดยซื้อมาจากเจ้าของเดิม เมื่อวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๔๖ และจดทะเบียนต่อจำเลยที่ ๓ พร้อมทั้งชำระค่าธรรมเนียมตามระเบียบของจำเลยที่ ๑ โจทก์จึงเป็นผู้ซื้อและผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๔๖ จำเลยที่ ๓ มีหนังสือแจ้งโจทก์ว่าการจดทะเบียนดังกล่าวคลาดเคลื่อนโดยอ้างว่าที่ดินแปลงพิพาทอยู่ในเขตป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองและสงวนป่า พ.ศ. ๒๔๘๑ และพระราชกฤษฎีกากำหนดที่ดินเป็นป่าคุ้มครอง ป่าบางละมุง โดยจำเลยที่ ๒ จะมีคำสั่งเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ และมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว โจทก์จึงคัดค้านและไม่ยินยอมส่งมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าว ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๔๘ จำเลยที่ ๒ มีคำสั่งเพิกถอน น.ส. ๓ ก.เลขที่ ๑๑๐๗ ของโจทก์รวมทั้งที่ดินแปลงอื่นๆ โดยแจ้งว่าเป็น น.ส. ๓ ก. ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจาก น.ส. ๓ ก. ดังกล่าวเปลี่ยนมาจาก น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๓๑๖ (ที่ถูก น.ส. ๓ เลขที่ ๓๑๖) โดยมีที่มาจากหลักฐาน ส.ค. ๑ เลขที่ ๓๑๖ ซึ่งแจ้งการครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินภายหลังจากมีพระราชกฤษฎีกากำหนดที่ดินเป็นป่าคุ้มครอง ป่าบางละมุง การแจ้งการครอบครองดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดสิทธิขึ้นใหม่แก่ผู้แจ้งตามมาตรา ๕ วรรคท้าย แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ โจทก์ยื่นอุทธรณ์ต่อจำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๓ มีหนังสือแจ้งคำสั่งของจำเลยที่ ๒ แก่โจทก์ และให้โจทก์ส่งมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ การกระทำของจำเลยทั้งสามทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เพราะ น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๑๑๐๗ เป็นหนังสือของทางราชการและโจทก์ซื้อที่ดินมาโดยสุจริต ตามระเบียบขั้นตอนและวิธีปฏิบัติของทางราชการ อีกทั้งที่ดินของโจทก์ก็ไม่ได้อยู่ในเขตป่าคุ้มครอง ป่าบางละมุง ขอให้พิพากษาเพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่ ๒ ที่ให้เพิกถอน น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๑๑๐๗ ของโจทก์
อนึ่ง ก่อนฟ้องคดีนี้โจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยที่ ๑ และสำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี สาขาบางละมุง ในมูลคดีเดียวกันต่อศาลปกครองระยองเป็นคดีหมายเลขดำที่ ๘๑/๒๕๔๙ ซึ่งศาลปกครองระยองมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาเป็นคดีหมายเลขแดงที่ ๙๔/๒๕๔๙ โดยวินิจฉัยว่าแม้จะเป็นการฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งเกี่ยวกับการเพิกถอน น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๑๑๐๗ ของผู้ฟ้องคดี แต่การที่ศาลจะวินิจฉัยว่าคำสั่งดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จำต้องวินิจฉัยประเด็นหลักแห่งคดีให้ได้ข้อยุติก่อนว่า ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินที่ผู้ฟ้องคดีมีสิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย หรือเป็นที่ดินที่อยู่ในเขตป่าคุ้มครองอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินซึ่งอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
จำเลยทั้งสามให้การว่า ที่ดินตาม น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๑๑๐๗ เป็นส่วนหนึ่งของที่ดินตาม ส.ค. ๑ เลขที่ ๓๑๖ หมู่ที่ ๑ ตำบลเขาไม้แก้ว อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ซึ่งเจ้าของเดิมได้แจ้งการครอบครองไว้ ต่อมาที่ดินตาม ส.ค. ๑ ดังกล่าว ได้ออกเป็น น.ส. ๓ เลขที่ ๓๑๖ เนื้อที่ประมาณ ๒,๐๐๐ ไร่ แล้วขายให้บริษัทนิวัชแลนด์ คอปโปเรชั่น จำกัด เมื่อบริษัทขอเปลี่ยนเป็น น.ส. ๓ ก. นายอำเภอบางละมุงและเจ้าหน้าที่ป่าไม้เขตศรีราชาตรวจสอบพบว่าที่ดินตาม น.ส. ๓ เลขที่ ๓๑๖ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติบางละมุงทั้งแปลง ซึ่งบริษัทขอให้ออก น.ส. ๓ ก. โดยยืนยันสิทธิเท่าที่มีอยู่ตาม น.ส. ๓ เลขที่ ๓๑๖ นายอำเภอบางละมุงจึงออก น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๑๑๐๖ ให้แก่บริษัทแทน น.ส. ๓ เลขที่ ๓๑๖ ส่วนกรณีที่จำเลยที่ ๒ มีคำสั่งที่ ๓๕๘๕/๒๕๔๘ ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เนื่องจากที่ดินตาม น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๑๑๐๗ เป็นส่วนหนึ่งของที่ดินตาม น.ส. ๓ เลขที่ ๓๑๖ จึงไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานในการออก น.ส. ๓ ก. ได้ ดังนั้น น.ส. ๓ เลขที่ ๓๑๖ และ น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๑๑๐๖ และเลขที่ ๑๑๐๗ จึงเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย คำสั่งเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์จึงชอบด้วยกฎหมายและโจทก์ไม่มีสิทธิครอบครองที่ดินแปลงดังกล่าว ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยทั้งสามยื่นคำร้องโต้แย้งเขตอำนาจศาลว่า คดีนี้เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คดีอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ทั้งมีคดีที่เอกชนผู้ซื้อที่ดินและผู้รับจำนองที่ดินตาม น.ส. ๓ ก. ที่ออกโดยอาศัยหลักฐาน ส.ค. ๑ เลขที่ ๓๑๖ ซึ่งเป็นที่ดินบริเวณเดียวกับที่ดินของโจทก์ได้ยื่นฟ้องอธิบดีกรมที่ดินต่อศาลปกครองกลาง เป็นคดีหมายเลขดำที่ ๘๖๘/๒๕๔๙ และ ๗๙๔/๒๕๔๙ ขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินกรณีให้แก้ไขรูปแผนที่และเนื้อที่ใน น.ส. ๓ ก. ที่ออกโดยอาศัย ส.ค. ๑ เลขที่ ๓๑๖ และเลขที่ ๓๑๗ ซึ่งศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาและคดีถึงที่สุดเป็นคดีหมายเลขแดงที่ ๕๓-๕๔/๒๕๕๔
ศาลแพ่งพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้มีประเด็นข้อพิพาทเกี่ยวเนื่องกับการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐ และโจทก์มุ่งประสงค์ให้ตรวจสอบการกระทำของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นสำคัญ เมื่อโจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ จึงเป็นการโต้แย้งคำสั่งทางปกครองและเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ แม้จะมีประเด็นเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินปะปนอยู่ก็ตาม จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑)

คำวินิจฉัย
ปัญหาที่ต้องพิจารณา คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรมหรือศาลปกครอง
คณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้โจทก์เป็นเอกชนยื่นฟ้องจำเลยทั้งสามซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐ อ้างว่าโจทก์เป็นเจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินตาม น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๑๑๐๗ โดยซื้อมาจากเจ้าของเดิมและจดทะเบียนต่อจำเลยที่ ๓ แต่จำเลยที่ ๓ มีหนังสือแจ้งโจทก์ว่าการจดทะเบียนดังกล่าวคลาดเคลื่อน โดยอ้างว่าที่ดินแปลงพิพาทอยู่ในเขตป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองและสงวนป่า พ.ศ. ๒๔๘๑ และพระราชกฤษฎีกากำหนดที่ดินเป็นป่าคุ้มครอง ป่าบางละมุง จำเลยที่ ๒ จึงมีคำสั่งเพิกถอน น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๑๑๐๗ ของโจทก์รวมทั้งที่ดินแปลงอื่นๆ โดยแจ้งว่าเป็น น.ส. ๓ ก. ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย การกระทำของจำเลยทั้งสามทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้พิพากษาเพิกถอนคำสั่งเพิกถอน น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๑๑๐๗ ของโจทก์ โดยจำเลยทั้งสามให้การว่า ที่ดินตาม น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๑๑๐๗ เป็นส่วนหนึ่งของที่ดินตาม ส.ค. ๑ เลขที่ ๓๑๖ ซึ่งเจ้าของเดิมได้แจ้งการครอบครองไว้ ต่อมาที่ดินตาม ส.ค. ๑ ดังกล่าว ได้ออกเป็น น.ส. ๓ เลขที่ ๓๑๖ เนื้อที่ประมาณ ๒,๐๐๐ ไร่ แล้วขายให้บริษัทนิวัชแลนด์ คอปโปเรชั่น จำกัด เมื่อบริษัทขอเปลี่ยนเป็น น.ส. ๓ ก. นายอำเภอบางละมุง และเจ้าหน้าที่ป่าไม้เขตศรีราชาตรวจสอบพบว่าที่ดินตาม น.ส. ๓ เลขที่ ๓๑๖ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติบางละมุงทั้งแปลง ซึ่งบริษัทขอให้ออก น.ส. ๓ ก. โดยยืนยันสิทธิเท่าที่มีอยู่ตาม น.ส. ๓ เลขที่ ๓๑๖ นายอำเภอบางละมุงจึงออก น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๑๑๐๖ ให้แก่บริษัทแทน น.ส. ๓ เลขที่ ๓๑๖ ส่วนกรณีที่จำเลยที่ ๒ มีคำสั่งที่ ๓๕๘๕/๒๕๔๘ ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เนื่องจากที่ดินตาม น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๑๑๐๗ เป็นส่วนหนึ่งของที่ดินตาม น.ส. ๓ เลขที่ ๓๑๖ จึงไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานในการออก น.ส. ๓ ก. ได้ การเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์จึงชอบด้วยกฎหมาย เห็นว่า แม้คดีเกี่ยวข้องกับการออกคำสั่งของเจ้าหน้าที่ของรัฐและมีผลกระทบต่อสิทธิของโจทก์ แต่เมื่อพิจารณาความมุ่งหมายของโจทก์ในการใช้สิทธิทางศาลก็เพื่อให้ศาลมีคำพิพากษารับรองคุ้มครองสิทธิในที่ดินที่โจทก์กล่าวอ้างว่าตนมีสิทธิครอบครองเป็นสำคัญ การที่ศาลจะพิพากษาตามคำขอของโจทก์ได้นั้น จะต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ตามที่กล่าวอ้างหรือเป็นที่ดินที่อยู่ในเขตป่าคุ้มครองอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน จึงเป็นคดีเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน แต่อย่างไรก็ตามเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่ามีเอกชนผู้ซื้อที่ดินและผู้รับจำนองที่ดินแปลงอื่นที่ออก น.ส. ๓ ก. โดยอาศัยหลักฐาน ส.ค. ๑ เลขที่ ๓๑๖ เช่นเดียวกับที่ดินของโจทก์และอยู่ในบริเวณเดียวกับที่ดินของโจทก์ได้ยื่นฟ้องอธิบดีกรมที่ดิน จำเลยที่ ๒ ต่อศาลปกครองกลาง เป็นคดีหมายเลขดำที่ ๘๖๘/๒๕๔๙ และที่ ๗๙๔/๒๕๔๙ ขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินกรณีให้แก้ไขรูปแผนที่และเนื้อที่ใน น.ส. ๓ ก. ที่ออกโดยอาศัย ส.ค. ๑ เลขที่ ๓๑๖ และเลขที่ ๓๑๗ ซึ่งศาลปกครองกลางได้พิจารณาและมีคำพิพากษาถึงที่สุดเป็นคดีหมายเลขแดงที่ ๕๓-๕๔/๒๕๕๔ แล้ว ข้อพิพาทในคดีนี้จึงชอบที่จะพิจารณาพิพากษาในศาลปกครอง
จึงวินิจฉัยชี้ขาดว่า คดีระหว่างนายกตพล คงอุดม โจทก์ กรมที่ดิน ที่ ๑ อธิบดีกรมที่ดิน ที่ ๒ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี สาขาบางละมุง ที่ ๓ จำเลย อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง

(ลงชื่อ) ดิเรก อิงคนินันท์ (ลงชื่อ) สุวัฒน์ วรรธนะหทัย
(นายดิเรก อิงคนินันท์) (นายสุวัฒน์ วรรธนะหทัย)
ประธานศาลฎีกา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลยุติธรรม

(ลงชื่อ) หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล (ลงชื่อ) จรัญ หัตถกรรม
(นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล) (นายจรัญ หัตถกรรม)
ประธานศาลปกครองสูงสุด กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลปกครอง

(ลงชื่อ) พลเรือโท กฤษฎา เจริญพานิช (ลงชื่อ) พลตรี พัฒนพงษ์ เกิดอุดม
(กฤษฎา เจริญพานิช) (พัฒนพงษ์ เกิดอุดม)
หัวหน้าสำนักตุลาการทหาร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลทหาร

(ลงชื่อ) จิระ บุญพจนสุนทร
(นายจิระ บุญพจนสุนทร)
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ

Share