คำวินิจฉัย(คำสั่ง)ที่ 77/2562

แหล่งที่มา : สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ

ย่อสั้น

คดีที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลวินิจฉัยชี้ขาดกรณีคำพิพากษาหรือคำสั่งที่ถึงที่สุดระหว่างศาลขัดแย้งกัน ตามมาตรา ๑๔ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ ระหว่างศาลอุทธรณ์ภาค ๒ กับศาลปกครองสูงสุด โดยผู้ร้องเห็นว่า ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ วินิจฉัยว่า สาธารณูปโภคในที่ดินจัดสรรโครงการ ตามใบอนุญาตให้ทำการจัดสรรที่ดินจัดทำเสร็จสิ้นแล้ว และศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง ผู้ร้องกับพวกจึงไม่ต้องจัดหาธนาคารหรือสถาบันการเงินมาทำสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะตลอดจนบำรุงรักษา แต่ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า สาธารณูปโภคยังจัดทำไม่แล้วเสร็จตามแผนผังโครงการที่ได้รับอนุญาต จึงพิพากษาให้คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครนายก ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ดำเนินการให้ผู้ร้องจัดหาธนาคารหรือสถาบันการเงินมาทำสัญญาค้ำประกันในการจัดให้มีสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะตามมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ กรณีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าคำพิพากษาที่ถึงที่สุดระหว่างศาลขัดแย้งกันหรือไม่ โดยคดีของศาลอุทธรณ์ภาค ๒ เป็นคดีที่ผู้ซื้อที่ดินและบ้านในโครงการฟ้องผู้ร้องและผู้จัดสรรที่ดินเดิมเป็นคดีผู้บริโภค อ้างว่าผู้ร้องกับพวกมิได้ก่อสร้างหรือดูแลสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะภายในโครงการ คดีถึงที่สุด โดยศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษายกฟ้องในปัญหาเรื่องอำนาจฟ้อง แม้ได้วินิจฉัยตอนหนึ่งว่า สาธารณูปโภคหลัก ๆ ภายในโครงการพิพาทจัดทำเสร็จสิ้นแล้ว แต่ก็ได้วินิจฉัยต่อไปว่า ผู้ร้องกับพวกยังไม่ได้จัดทำบริการสาธารณะให้เสร็จสมบูรณ์ครบถ้วนตามที่โฆษณาไว้ และการจัดทำสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ นอกจากจะต้องทำให้เสร็จสมบูรณ์ครบถ้วนแล้ว ยังจะต้องบำรุงรักษาให้มีสภาพคงอยู่สามารถใช้งานได้อย่างเหมาะสมตามที่ควรจะเป็นด้วย จึงไม่อาจถือได้ว่า ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ วินิจฉัยว่าผู้ร้องจัดทำสาธารณูปโภคเสร็จเรียบร้อยแล้ว อันจะเป็นการขัดแย้งกับคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด โดยเฉพาะประเด็นเรื่องโจทก์ทั้งสามสิบเอ็ดซึ่งเป็นผู้ซื้อที่ดินจัดสรรมีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสี่หรือไม่ ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ วินิจฉัยชัดเจนว่า ข้อเท็จจริงฟังว่าสาธารณูปโภคในโครงการพิพาทบางส่วนยังจัดทำไม่แล้วเสร็จและบางส่วนไม่มีการบำรุงรักษา และบริการสาธารณะบางอย่างยังไม่ได้จัดทำ ซึ่งสอดคล้องกับคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คำวินิจฉัยเกี่ยวกับการจัดทำสาธารณูปโภคแล้วเสร็จหรือไม่ตามคำพิพากษาที่ถึงที่สุดระหว่างศาลอุทธรณ์ภาค ๒ และศาลปกครองสูงสุดจึงมิได้ขัดแย้งกัน ทั้งกรณีการยื่นคำร้องขอให้คณะกรรมการกำหนดแนวทางการปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งที่ถึงที่สุดระหว่างศาลขัดแย้งกันตามมาตรา ๑๔ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ นี้ จะต้องเป็นกรณีที่การวินิจฉัยขัดแย้งกันจนเป็นเหตุให้ไม่อาจปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งที่ถึงที่สุดนั้นได้ เมื่อไม่ปรากฏว่ามีเหตุให้ผู้ร้องไม่อาจปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค ๒ และคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดได้ กรณีตามคำร้องของผู้ร้องจึงไม่ชอบด้วยมาตรา ๑๔ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ จึงให้ยกคำร้อง

Share