คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1305/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยและผู้ร้องสมรสกันเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2512 จดทะเบียนหย่าเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2529 ผู้ร้องอ้างว่า เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2518 บิดาผู้ร้องซื้อที่ดินและบ้านพิพาทจาก ว. แต่เวลาจดทะเบียนโอนได้ให้ผู้ร้องมีชื่อเป็นผู้ซื้อเนื่องจากบิดาผู้ร้องยกที่ดินและบ้านพิพาทให้เป็นสินส่วนตัวของผู้ร้อง ดังนี้ เป็นการที่ผู้ร้องรับโอนที่ดินและบ้านพิพาทจาก ว.ในระหว่างที่ผู้ร้องและจำเลยเป็นสามีและภรรยากันและรับโอนก่อนประกาศใช้บทบัญญัติ บรรพ 5แห่ง ป.พ.พ.ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ.2519 ทรัพย์ที่รับโอนจะเป็นสินสมรสหรือสินส่วนตัวจะต้องเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะรับโอน เพราะสินสมรสหรือสินส่วนตัวเป็นเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในครอบครัวซึ่งบทบัญญัติที่ใช้คือ ป.พ.พ.บรรพ 5 มาตรา 1466 และ 1464เดิมที่กำหนดว่า การยกทรัพย์สินให้คู่สมรสเป็นสินส่วนตัวของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในระหว่างที่ยังเป็นสามีภริยากันอยู่นั้นจะต้องทำเป็นหนังสือโดยมีข้อความระบุแสดงไว้โดยชัดแจ้งว่ายกให้เป็นสินส่วนตัว ที่ผู้ร้องอ้างว่าบิดายกที่ดินและบ้านพิพาทให้ผู้ร้องเป็นสินส่วนตัวโดยไม่มีหนังสือยกให้มาแสดงว่าเป็นสินส่วนตัวนั้น การยกให้เป็นสินส่วนตัวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่ดินและบ้านพิพาทจึงมิใช่สินส่วนตัวของผู้ร้อง แต่เป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องและจำเลยซึ่งผู้ร้องและจำเลยมีกรรมสิทธิ์ร่วมกัน โจทก์จึงมีสิทธิที่จะยึดมาเพื่อบังคับคดีนำเงินมาชำระหนี้ของจำเลยแก่โจทก์ตามคำพิพากษาผู้ร้องไม่มีสิทธิขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญาขายลดเช็คศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์เป็นเงิน ๑๑๗,๓๐๗.๑๒ บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียม จำเลยไม่ยอมชำระ โจทก์ขอให้บังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดีนำยึดที่ดินโฉนดเลขที่ ๔๒๖๑๖ แขวงลาดยาว เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร พร้อมบ้านเลขที่ ๙๙ซึ่งปลูกสร้างอยู่บนที่ดินดังกล่าวเพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ที่ดินและบ้านที่ยึดเป็นสินส่วนตัวของผู้ร้องโดยบิดาผู้ร้องยกให้แก่ผู้ร้อง มิใช่สินสมรส และมิใช่เป็นทรัพย์สินของจำเลย หนี้ตามคำพิพากษาจำเลยก่อขึ้นโดยส่วนตัว มิใช่เป็นหนี้ร่วม ขณะนี้ผู้ร้องและจำเลยได้หย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากันแล้วขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด
โจทก์ให้การว่า ที่ดินและบ้านที่ยึดเป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องและจำเลยโดยร่วมกันซื้อมาระหว่างสมรส หาใช่เป็นสินส่วนตัวของผู้ร้องโดยบิดาผู้ร้องยกให้ไม่ ที่ดินและบ้านเป็นอสังหาริมทรัพย์ การให้จะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เมื่อโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์แล้วผู้ร้องและจำเลยจึงได้หย่าขาดจากการสมรสโดยแจ้งนายทะเบียนว่า ที่ดินและบ้านเป็นของผู้ร้องเพื่อให้ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์การกระทำดังกล่าวจึงไม่ผูกพันโจทก์ ที่ดินและบ้านยังคงเป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องและจำเลยขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงตามที่ผู้ร้องและโจทก์นำสืบกับที่คู่ความมิได้ฎีกาโต้แย้งรับฟังเป็นยุติว่า จำเลยและผู้ร้องจดทะเบียนสมรสกันเมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๑๒จดทะเบียนหย่าเมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๒๙ เมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๑๘ ผู้ร้องได้รับโอนที่ดินและบ้านพิพาทจากนายวิเชียร จิรพจนพร ตามสัญญาขายที่ดินเอกสารหมาย ร.๒ คดีมีปัญหาตามที่ผู้ร้องฎีกาว่า ที่ดินและบ้านพิพาทเป็นสินสมรสหรือสินส่วนตัวของผู้ร้อง ที่ผู้ร้องฎีกาว่าบิดาผู้ร้องเป็นผู้ซื้อที่ดินและบ้านพิพาทจากนายวิเชียร แต่เวลาจดทะเบียนโอนได้ให้ผู้ร้องมีชื่อเป็นผู้ซื้อเนื่องจากบิดาผู้ร้องยกที่ดินและบ้านพิพาทให้เป็นสินส่วนตัวของผู้ร้องนั้น เห็นว่า ผู้ร้องรับโอนที่ดินและบ้านพิพาทมาจากนายวิเชียร ในระหว่างที่ผู้ร้องและจำเลยเป็นสามีภริยากันและรับโอนมาก่อนประกาศใช้บทบัญญัติ บรรพ ๕ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ.๒๕๑๙ทรัพย์ที่รับโอนมาจะเป็นสินสมรสหรือสินส่วนตัวจะต้องเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะรับโอน เพราะสินสมรสหรือสินส่วนตัวเป็นเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในครอบครัวซึ่งบทบัญญัติกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะที่ผู้ร้องรับโอนที่ดินและบ้านพิพาทคือประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕มาตรา ๑๔๖๖ และมาตรา ๑๔๖๔ เดิม มาตรา ๑๔๖๖ วรรคแรก บัญญัติว่า “สินสมรสได้แก่ทรัพย์สินทั้งหมดที่คู่สมรสได้มาระหว่างสมรส นอกจากที่ระบุไว้ว่าเป็นสินเดิมหรือสินส่วนตัวตามมาตรา ๑๔๖๓หรือ ๑๔๖๔” มาตรา ๑๔๖๔ บัญญัติว่า “สินส่วนตัวได้แก่ ฯลฯ (๓) ทรัพย์สินที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มาระหว่างเป็นสามีภริยาโดยทางพินัยกรรมหรือยกให้โดยเสน่หา เมื่อพินัยกรรมหรือหนังสือยกให้นั้นได้แสดงไว้ให้เป็นสินส่วนตัว ฯลฯ” จากบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว เห็นได้ว่าการยกทรัพย์สินให้คู่สมรสเป็นสินส่วนตัวของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในระหว่างที่ยังเป็นสามีภริยากันอยู่นั้นจะต้องทำเป็นหนังสือโดยมีข้อความระบุแสดงไว้โดยชัดแจ้งว่ายกให้เป็นสินส่วนตัว ดังนั้นที่ผู้ร้องอ้างว่าบิดาผู้ร้องยกที่ดินและบ้านพิพาทให้ผู้ร้องเป็นสินส่วนตัวโดยไม่มีหนังสือยกให้มาแสดงว่าให้เป็นสินส่วนตัวนั้น การยกให้เป็นสินส่วนตัวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่ดินและบ้านพิพาทจึงมิใช่สินส่วนตัวของผู้ร้อง แต่เป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องและจำเลยซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ผู้ร้องและจำเลยมีกรรมสิทธิ์ร่วมกัน โจทก์จึงมีสิทธิที่จะยึดทรัพย์สินดังกล่าวมาเพื่อบังคับคดีนำเงินมาชำระหนี้ของจำเลยที่มีต่อโจทก์ตามคำพิพากษา ผู้ร้องไม่มีสิทธิที่จะขอปล่อยทรัพย์สินที่ยึด ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้ยกคำร้องของผู้ร้องชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share