คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 948/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เดิมผู้เสียหายได้รับซื้อฝากที่ดินไว้จากจำเลย ครบกำหนดไถ่ จำเลยไม่ไถ่ ปรากฏว่าที่ดินดังกล่าวเป็นคนละแปลงกับที่จำเลยนำชี้ ผู้เสียหายจึงร้องทุกข์ดำเนินคดีแก่จำเลย จำเลยขอผัดว่าจะไถ่ภายใน 1 เดือน แล้วบอกผู้เสียหายว่า จำเลยทำสัญญาจะซื้อที่ดินไว้แปลงหนึ่ง ได้วางมัดจำไว้ด้วย แล้วพาผู้เสียหายไปดู โดยนำชี้ว่าที่ดินอยู่ติดโรงเรียนความจริงที่ดินตามโฉนดนั้นอยู่ห่างจากที่จำเลยชี้ถึง 6 กิโลเมตร และมีราคาต่ำ ต่อจากนั้นจำเลยได้นำผู้เสียหายไปสอบถามผู้รับจำนองที่ดินตามโฉนดนั้น ผู้รับจำนองก็รับสมอ้างว่าเคยเห็นที่ดินอยู่หลังโรงเรียนและมีราคาสูง พฤติการณ์ของจำเลยเป็นการวางแผนหลอกลวงผู้เสียหายเป็นขั้น ๆ เพื่อให้หลงเชื่อว่าที่ดินที่จะซื้อมีราคาสูง เป็นเหตุให้ผู้เสียหายทำสัญญาซื้อขายอันเป็นเอกสารสิทธิกับเจ้าของที่ดิน โดยจำเลยได้เงินส่วนที่เกินกว่าราคาที่แท้จริงไป การกระทำของจำเลยกับพวกเป็นการกระทำโดยทุจริต เป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เดิมจำเลยได้ขายฝากที่ดิน ๒ แปลงไว้กับผู้เสียหายเป็นเงิน ๖๘,๒๐๐ บาท ถึงกำหนดไถ่ จำเลยไม่ไถ่ โดยบอกว่าไม่มีเงินสด ต่อมาจำเลยเป็นนายหน้าขายที่ดินโฉนดที่ ๑๗๖๗ ได้บังอาจหลอกลวงผู้เสียหายว่าจำเลยได้ทำสัญญาจะซื้อที่ดินโฉนดที่ ๑๗๖๗ ไว้ในราคา ๓๕๐,๐๐๐ บาท ได้วางมัดจำไว้ ๒๐๐,๐๐๐ บาท จะต้องชำระเงินให้ผู้ขายอีก ๑๕๐,๐๐๐ บาท อันเป็นความเท็จ ความจริงจำเลยไม่ได้ทำสัญญาจะซื้อที่ดินแปลงนี้ และไม่ได้วางมัดจำแต่อย่างใด จำเลยบอกผู้เสียหายว่าจำเลยไม่มีเงินสด ๑๕๐,๐๐๐ บาท ขอให้ผู้เสียหายชำระแทนจำเลยก่อน โดยจำเลยยอมให้ผู้เสียหายลงชื่อถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ ๑๗๖๗ และยอมให้ผู้เสียหายขายที่ดินนั้นต่อไปได้ โดยจำเลยจะเป็นผู้ติดต่อขายเอง เมื่อขายได้เงินมา ก็จะนำไปไถ่ที่ดิน ๒ แปลงที่จำเลยขายฝากผู้เสียหายไว้ และชำระหนี้ ๑๕๐,๐๐๐ บาท เงินเหลือเท่าไรตกเป็นของจำเลย และจำเลยได้บังอาจหลอกลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความเท็จและปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง โดยบอกแก่ผู้เสียหายว่า ที่ดินโฉนดที่ ๑๗๖๗ อยู่บริเวณหลังโรงเรียนสยามวิทยา ซึ่งมีราคาประเมินถึงไร่ละ ๘๐,๐๐๐ บาท และนำผู้เสียหายกับพวกไปชี้ให้ดูที่ดินบริเวณหลังโรงเรียนสยามวิทยาแห่งหนึ่ง บอกว่าเป็นที่ดินโฉนดที่ ๑๗๖๗ ความจริงที่ดินโฉนดที่ ๑๗๖๗ อยู่ห่างโรงเรียนสยามวิทยาหลายกิโลเมตร และมีราคาเพียงไร่ละ ๕,๐๐๐ บาท ผู้เสียหายหลงเชื่อในสภาพที่ตั้งของที่ดินและมูลค่าของที่ดินอันเป็นเท็จ จึงได้ทำสัญญาซื้อที่ดินโฉนดที่ ๑๗๖๗ กับเจ้าของที่ดินอันเป็นการทำเอกสารสิทธิ และจำเลยได้รับเงินจากผู้เสียหาย ๑๕๐,๐๐๐ บาท แล้วมอบให้เจ้าของที่ดินเพียง ๑๑๐,๑๐๐ บาท ถ้าผู้เสียหายไม่หลงเชื่อในการหลอกลวงของจำเลยดังกล่าว ผู้เสียหายก็จะไม่ทำสัญญาซื้อที่ดินโฉนดที่ ๑๗๖๗ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑ , ๒๗๑ และให้จำเลยคืนหรือชดใช้เงิน ๑๕๐,๐๐๐ บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า พยานหลักฐานโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตหลอกลวงผู้เสียหายจนหลงเชื่อซื้อที่ดินดังกล่าว หรือจำเลยขายของหลอกลวง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยได้กล่าวเท็จหลอกลวงผู้เสียหายจนหลงเชื่อซื้อที่ดินดังกล่าว และได้เงินจากการชักจูงผู้เสียหายให้มาซื้อ จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑ แต่ไม่เป็นความผิดตามมาตรา ๒๗๑ ผู้เสียหายสูญเสียเงินเนื่องจากจำเลยฉ้อโกงไป ๓๙,๙๐๐ บาท นอกนั้นได้ที่ดินมาเป็นการตอบแทน พนักงานอัยการจึงมีสิทธิฟ้องเรียกแทนผู้เสียหายเฉพาะเงินที่สูญเสียไป พิพากษากลับว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑ ให้จำคุก ๑ ปี และให้จำเลยใช้เงิน ๓๙,๙๐๐ บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ก่อนเกิดเหตุคดีนี้ ผู้เสียหายได้รับซื้อฝากที่ดิน ๒ แปลงจากจำเลย ครบกำหนดไถ่ จำเลยไม่ไถ่ ปรากฏว่าที่ดินที่จำเลยขายฝากผู้เสียหายเป็นคนละแปลงกับที่ดินที่จำเลยนำชี้ จนผู้เสียหายได้ไปร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานตำรวจ ขอให้ดำเนินคดีกับจำเลยครั้งหนึ่ง จำเลยขอผัดจะนำเงินมาไถ่ภายใน ๑ เดือน แล้วจำเลยได้ชักจูงผู้เสียหายมาซื้อที่ดินแปลงที่เกิดเหตุคดีนี้จำเลยได้พูดหลอกลวงผู้เสียหายว่าจำเลยได้ทำสัญญาจะซื้อที่ดินโฉนดที่ ๑๗๖๗ ไว้ในราคา ๓๕๐,๐๐๐ บาท วางมัดจำไว้ ๒๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งไม่เป็นความจริง หลังจากนั้นจำเลยได้พาผู้เสียหายไปดูที่ดินโดยนำชี้ว่าที่ดินที่จะซื้อขายกันอยู่ติดกับด้านหลังโรงเรียนสยามวิทยาซึ่งไม่ตรงกับความจริงอีก เพราะที่ดินโฉนดที่ ๑๗๖๗ อยู่ห่างจากที่จำเลยชี้ถึง ๖ กิโลเมตร และมีราคาเพียงไร่ละ ๓,๐๐๐ บาทเท่านั้น ต่อจากนั้นจำเลยยังได้นำผู้เสียหายและสามีไปสอบถามผู้รับจำนองที่ดินรายนี้ ผู้รับจำนองก็รับสมอ้างว่าเคยเห็นที่ดินแปลงนี้อยู่หลังโรงเรียนสยามวิทยา ถ้าขายในราคาไร่ละ ๑๐,๐๐๐ บาทก็รับซื้อได้
วินิจฉัยว่าพฤติการณ์ของจำเลยเป็นการวางแผนหลอกลวงผู้เสียหายมาเป็นขั้น ๆ เพื่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าที่ดินตามโฉนดที่ ๑๗๖๗ นี้มีราคาสูง และอยู่ติดกับโรงเรียนสยามวิทยา ซึ่งเป็นความเท็จ เป็นเหตุให้ผู้เสียหายทำสัญญาซื้อขายที่ดินอันเป็นเอกสารสิทธิกับเจ้าของที่ดิน และเจ้าของที่ดินได้รับเงินค่าที่ดินเพียง ๑๑๐,๑๐๐ บาท เงินที่เหลือจำเลยได้รับไปเป็นประโยชน์ของจำเลยกับพวก เป็นการกระทำโดยทุจริต การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑
พิพากษายืน

Share