คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2467/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ส. บุตรสาวของจำเลยลงไปอาบน้ำที่บันไดริมแม่น้ำในเวลา 1 ทุ่มเศษน้ำลึกแค่หน้าอกผู้ตายดำน้ำมากอดเอวจับนมและของลับของส.ส.ร้องเรียกให้จำเลยช่วย จำเลยจึงคว้ามีดไปช่วยและแทงผู้ตายจนผู้ตายจมหายไป ดังนี้ ถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันส.แต่ผู้ตายเพียงแต่ดำน้ำมาจับนมและของลับของส. เท่านั้นการที่จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตายไปหลายครั้ง จนปรากฏบาดแผลที่ตัวผู้ตายถึง 5 แผล คือ ที่นมขวา เหนือลิ้นปี่ ต้นแขนขวาต้นแขนซ้าย และส้นเท้าซ้าย ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2517 เวลากลางคืน จำเลยใช้มีดปลายแหลมยาวประมาณ 12 นิ้วแทงนายป๊อกหรือสอาด ตรีนพ โดยเจตนาฆ่าทั้งนี้เพราะนายป๊อกหรือสอาดได้ลวนลามดำน้ำจับนมและฉุดนางสาวสมศรีซื้อสกุล บุตรสาวจำเลยขณะที่บุตรสาวจำเลยกำลังอาบน้ำอยู่ในแม่น้ำคมมีดที่จำเลยแทงถูกนายป๊อกหรือสอาด ตรีนพหลายแห่งนายป๊อกหรือสอาด ตรีนพถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลย เหตุเกิดที่ตำบลแขวงบางประกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 และขอให้ริบมีดของกลางที่จำเลยใช้ทำผิดด้วย

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ให้จำคุกจำเลย 20 ปี ริบมีดของกลาง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยฆ่าผู้ตายโดยป้องกัน แต่กระทำเกินสมควรแก่เหตุ พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบกับมาตรา 69 ให้จำคุก 3 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา ขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้อง

ข้อเท็จจริงได้ความว่า ในวันเกิดเหตุเวลาประมาณ 1 ทุ่มเศษ นางสาวสมศรีได้ไปอาบน้ำที่บันไดบ้านซึ่งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ขณะนั้นน้ำขึ้นท่วมบันได้บ้านขั้นที่ 3 ขณะที่นางสาวสมศรีกำลังอาบน้ำโดยยืนอยู่บนแท่นบันไดบ้าน น้ำลึกแค่หน้าอก ก็มีคนดำน้ำมากอดนางสาวสมศรีนางสาวสมศรีร้องเรียกให้จำเลยช่วย จำเลยจึงคว้ามีดลงไปช่วยและแทงคนนั้นจนคนนั้นหายไป รุ่งขึ้นปรากฏว่ามีศพผู้ตายอยู่ที่ใต้ถุนบ้านของนายสมนึก ศรีเพียงจันทร์ ห่างบ้านจำเลยประมาณ 7 – 8 วาผู้ตายมีบาดแผล 5 แห่ง เป็นแผลถูกของมีคม

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ได้บรรยายฟ้องยอมรับอยู่ในตัวว่าจำเลยได้ใช้มีดแทงผู้ตายเพราะผู้ตายได้ลวนลามโดยดำน้ำจับนมและฉุดนางสาวสมศรีบุตรสาวของจำเลย ขณะที่นางสาวสมศรีกำลังอาบน้ำอยู่ในแม่น้ำ นอกจากโจทก์ยอมรับในคำฟ้องแล้ว ตามที่โจทก์นำสืบมาข้อเท็จจริงยังได้ความจากนางสาวสมศรีบุตรสาวของจำเลยว่า ขณะที่นางสาวสมศรีกำลังอาบน้ำอยู่ที่บันไดบ้านริมแม่น้ำเจ้าพระยานั้นก็มีคนมากอดเอว จับนม และของลับ จึงได้ร้องเรียกให้จำเลยช่วยจำเลยก็ลงไปช่วย ข้อเท็จจริงฟังได้แน่ชัดว่า จำเลยได้แทงนายป๊อกหรือสอาดตาย เป็นการป้องกันนางสาวสมศรีบุตรของตนให้พ้นจากภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงอันผู้ตายเป็นผู้ก่อขึ้น ฎีกาของโจทก์ที่อ้างว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกัน จึงฟังไม่ขึ้น

ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยมิได้กระทำไปเกินสมควรแก่เหตุนั้นปรากฏข้อเท็จจริงว่าเพียงแต่ผู้ตายดำน้ำมาจับเอวนางสาวสมศรีบุตรจำเลยจับนมและของลับเท่านั้น การที่จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตายไปหลายครั้ง จนปรากฏบาดแผลที่ตัวผู้ตายถึง 5 แผล คือที่นมขวาเหนือลิ้นปี่ ต้นแขนขวา ต้นแขนซ้าย และส้นเท้าซ้าย จึงถือได้ว่าจำเลยได้กระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน ที่จำเลยอ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1165/2509 (ที่ถูกคือ 1665/2509) และคำพิพากษาฎีกาที่ 872/2510 นั้น ข้อเท็จจริงต่างกับข้อเท็จจริงในคดีนี้ ฉะนั้นที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 69 ให้จำคุกจำเลย 3 ปีนั้น จึงชอบแล้วฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share