คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1008/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การขายอสังหาริมทรัพย์เมื่อไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ย่อมเป็นโมฆะ
จำเลยรับเงินค่าขายฝากอสังหาริมทรัพย์ไปจากโจทก์ เมื่อการขายฝากเป็นโมฆะ โจทก์ได้คืนที่ดินให้จำเลยแล้ว จำเลยก็ต้องคืนเงินให้โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 406 เพราะเป็นการรับไว้โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ และทำให้โจทก์เสียเปรียบ
เมื่อสัญญาขายฝากเป็นโมฆะเพราะไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ศาลก็อาจรับฟังสัญญานั้นอย่างเป็นพยานเอกสารธรรมดาประกอบคำพยานโจทก์ มิใช่รับฟังในฐานะที่เป็นสัญญาขายฝากหรือใบรับได้ ถึงแม้หนังสือขายฝากนั้นจะไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนก็ตาม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กู้เงินโจทก์ไปและทำสัญญาขายฝากที่ไร่ของจำเลยไว้แก่โจทก์มีกำหนดไถ่ถอนภายใน ๔ เดือน ครบกำหนดแล้วโจทก์บอกกล่าวให้จำเลยไถ่จำเลยก็ไม่ไถ่ ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยไถ่หรือชำระเงินที่กู้ยืมไปแก่โจทก์
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินให้แก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยได้ทำสัญญาขายฝากที่ดินไว้แก่โจทก์จริง แต่เมื่อมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ การขายฝากนั้นจึงเป็นโมฆะ และเห็นว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เพียงแต่รับฟังหนังสือสัญญาขายฝากหมาย จ.๑ อย่างเป็นพยานเอกสารธรรมดาประกอบคำพยานโจทก์ มิใช่รับฟังในฐานะที่เป็นสัญญาขายฝากหรือใบรับ ฉะนั้น แม้หนังสือขายฝากหมาย จ.๑ ไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนสำหรับการรับเงินจำนวน ๒๕๐๐ บาท ก็ไม่ทำให้ข้อวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงไป เมื่อการขายฝากเป็นโมฆะ โจทก์ได้คืนที่ดินให้จำเลยแล้ว จำเลยก็ต้องคืนเงิน ๒,๕๐๐ บาท ให้โจทก์ตามมาตรา ๔๐๖ เพราะเป็นการรับไว้โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ และทำให้โจทก์เสียเปรียบ
พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย.

Share