คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1805/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองสมคบกันยอมความ โดยที่จำเลยที่ 1สมยอมยกที่พิพาทให้จำเลยที่ 2 ซึ่งประเด็นข้อนี้จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ ดังนี้ ข้อเท็จจริงยังไม่ยุติ โจทก์และจำเลยที่ 2 ชอบที่จะนำสืบตามประเด็นแห่งคดีให้สิ้นกระแสความได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ขายที่ดินให้โจทก์ ไม่ทำนิติกรรมโอนขายให้โจทก์ เมื่อโจทก์เร่งหนักเข้า จำเลยที่ ๑ ยื่นคำขอทำนิติกรรมโอนขายให้โจทก์ จำเลยที่ ๒ ซึ่งขอซื้อทีดินจำเลยที่ ๑ ได้คัดค้าน จำเลยที่ ๑ ฟ้องจำเลยที่ ๒ และสมคบกันยอมความ จำเลยที่ ๑ กลับยอมยกที่ดินให้จำเลยที่ ๒ ขอให้ศาลพิพากษาว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ โจทก์มีสิทธิครอบครอง นิติกรรมโอนที่ระหว่างจำเลยทั้งสองเป็นโมฆะ ฯลฯ
จำเลยที่ ๑ ให้การรับตามฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลยที่ ๒ โจทก์มิได้เข้าครอบครอง ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ขอให้สืบพยานโจทก์ไปตามประเด็นแห่งคดี
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ตกลงขายที่พิพาทแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองมีเจตนาจะไม่ให้โจทก์ได้รับโอนที่พิพาท สมคบกันฉ้อโกงเอาที่พิพาทของโจทก์ โดยจำเลยที่๑ ใช้อุบายหลอกลวงโจทก์ให้โจทก์ให้เงิน ๑,๐๐๐ บาท เพื่อจำเลยที่ ๑ ยื่นฟ้องจำเลยที่ ๒ เมื่อได้เงินจากโจทก์มาฟ้องแล้ว จำเลยทั้งสองสมคบกันยอมความ จำเลยที่ ๑ ฉบับยอมยกที่ดินให้จำเลยที่ ๒ ศาลชั้นต้นสอบถามคู่ความ แล้วสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลย พิพากษายกฟ้อง โดยวินิจฉัยว่าจำเลยทั้งสองมิได้สมคบกันยอมความ
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองสมคบกันยอมความ โดยจำเลยที่ ๑ สมยอมยกที่พิพาทให้จำเลยที่ ๒ ซึ่งประเด็นข้อนี้จำเลยที่ ๒ ให้การปฏิเสธ ข้อเท็จจริงยังไม่ยุติ โจทก์และจำเลยที่ ๒ จึงชอบที่จะนำสืบประเด็นแห่งคดีนี้ให้สิ้นกระแสความได้
พิพากษายืน

Share