คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1545/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อเท็จจริงได้ความว่าห้องแถวและโรงโจทก์เช่ามามีกำหนด1 ปีครบกำหนดผู้ให้เช่าได้บอกเลิกสัญญาเช่า ทั้งได้ความว่าโจทก์ไม่เคยเข้าครอบครองที่พิพาทนี้เลย ดังนี้โจทก์จึงไม่มีสิทธิในห้องแถวและโรง เมื่อจำเลยเป็นผู้เช่าต่อมาและเข้ารื้อห้องแถวและโรง จึงไม่เป็นการกระทำละเมิดสิทธิต่อโจทก์ และไม่มีความผิดฐานบุกรุกเคหสถานของโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกสมคบกันมีศาสตราวุธบุกรุกที่ดินและเคหสถานของโจทก์ และขู่เข็ญว่าจะทำร้ายให้โจทก์จำต้องออกไปจากที่ดินและเคหสถานของโจทก์ ทั้งปล้นเอาถ่านและเข่งของโจทก์ที่ 1 ไปราคา 8,970 บาท ของโจทก์ที่ 2 ราคา 3090 บาท ขอให้ลงโทษตามกฎหมายอาญา มาตรา 327, 328, 268, 301

ศาลอาญาไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีไม่มีมูลจึงยกฟ้องของโจทก์เสียและศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาแต่ศาลสั่งรับเฉพาะฎีกาข้อ 4 ที่อ้างเป็นข้อกฎหมาย

ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้ได้ความว่าโจทก์รับโอน (เซ้ง) สิทธิในห้องแถวและโรงเก็บถ่านในที่พิพาทมาจากนายจุลิน ล่ำซำ ผู้เช่าจากกรมรักษาที่หลวง แล้วโจทก์ทำสัญญาเช่าจากกรมรักษาที่หลวงต่อไปมีกำหนด 1 ปี แต่โจทก์ไม่ได้เข้าครอบครองจนพ้นกำหนดเวลาตามสัญญาเช่า กรมรักษาที่หลวงจึงเลิกสัญญาเช่ากับโจทก์และให้จำเลยเช่าต่อไปจำเลยกับพวกเข้ารื้อห้องแถวและโรงเก็บถ่านเพื่อปลูกสร้างตึกตามที่สัญญากับกรมรักษาที่หลวง โจทก์จึงฟ้องคดีนี้

โจทก์คัดค้านตามฎีกาข้อ 4 ว่าโจทก์ได้รับโอนสิทธิในห้องแถวและโรงเก็บถ่านรายนี้มา ถึงสัญญาที่โจทก์เช่าจากกรมรักษาที่หลวงจะสิ้นอายุแล้ว จำเลยก็ไม่มีสิทธิจะมารื้อห้องแถวและโรงเก็บถ่านรายนี้ได้การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานบุกรุกและประทุษร้ายต่อทรัพย์

ศาลฎีกาเห็นว่าถึงโจทก์จะได้รับโอนสิทธิการเช่าห้องแถวและโรงเก็บถ่านมา แต่เมื่อโจทก์ยังไม่ได้เข้าครอบครอง โจทก์ก็ยังไม่มีสิทธิในห้องแถวและโรงเก็บถ่านรายนี้ ฉะนั้นการที่จำเลยเข้ารื้อห้องแถวและโรงจึงหาเป็นการกระทำละเมิดสิทธิของโจทก์ไม่คดีไม่มีทางจะวินิจฉัยว่าจำเลยมีความผิดฐานบุกรุกเคหสถานของโจทก์พิพากษายืน

Share