แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องจำเลยเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะแต่ทางพิจารณาไม่ได้ความว่าจำเลยได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะ จำเลยเป็นแต่ลูกจ้างคนขับรถยนต์โดยสารสาธารณะของนายจ้างเท่านั้น แม้จำเลยจะขับรับผู้โดยสารล่วงล้ำเข้าไปในเส้นทางที่รถบริษัทอื่นได้รับใบอนุญาตการขนส่งประจำทางก็ตาม คนขับหรือจำเลยซึ่งมิใช่ผู้ได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะ ย่อมไม่มีความผิดตามมาตรา 14
พระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ. 2497 มาตรา 14 บัญญัติห้ามเฉพาะผู้ได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะเท่านั้น จะขยายความไปถึงคนอื่นด้วยไม่ได้ เพราะเป็นความผิดอาญา
แม้การเก็บค่าโดยสารมีลักษณะเป็นการแข่งขันก็จริง แต่เมื่อจำเลยมิใช่ผู้ได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะ ก็ขาดองค์ความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ. 2497 มาตรา 14
กรณีบุคคลสองคนขึ้นไปร่วมกันทำความผิดนั้น โจทก์จะไม่ระบุประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 มาด้วยก็ได้ แต่โจทก์ต้องบรรยายฟ้อง มิฉะนั้นก็ไม่มีข้อหาหรือประเด็นว่าจำเลยกระทำผิดร่วมกับพวกหรือไม่
ความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่งมาตรา 14 เป็นความผิดเฉพาะตัวบุคคลผู้ได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะเท่านั้น ไม่อาจมีการร่วมกันกระทำผิดกับผู้ที่มิได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะด้วยได้
ย่อยาว
คดีทั้ง ๖ สำนวนนี้ โจทก์ฟ้องมีใจความอย่างเดียวกันว่า จำเลยซึ่งเป็นผู้ได้รับอนุญาตการขนส่งสาธารณะได้เข้าทำการขนส่งโดยสารรับจ้างขนส่งคนโดยด้วยรถยนต์ในเส้นทางสาย ๑๓๘ หมวด ๓ อันเป็นการแข่งขันกับบริษัทเพชรประเสริฐ จำกัด ผู้ได้รับใบอนุญาตการขนส่งประจำทางในเส้นทางดังกล่าว และจำเลยในสำนวนที่ ๖ ได้กระทำผิดฐานขับรถยนต์รับจ้างโดยไม่มีใบอนุญาตให้ขับรถยนต์อีกด้วย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๑๔, ๖๐ และให้ลงโทษจำเลยในสำนวนที่ ๖ ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๔๗๓ มาตรา ๓๓ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ด้วย
จำเลยทุกสำนวนให้การปฏิเสธความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่ง ส่วนข้อหาฐานขับรถยนต์รับจ้างโดยไม่มีใบอนุญาตสำหรับนายชุมพลจำเลย จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วรวมพิพากษาทั้ง ๖ สำนวนโดยฟังว่า จำเลยทุกคนไม่ใช่ผู้ได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะ เป็นแต่คนขับรถของนายสวง บัวเจริญ ซึ่งเป็นผู้ได้รับอนุญาตการขนส่งสาธารณะ และใช้ให้จำเลยขับรถยนต์รับส่งคนโดยสารไปในเส้นทางที่นายสวง บัวเจริญ ไม่ได้รับอนุญาตการขนส่งประจำทาง จำเลยจึงเป็นผู้ร่วมกระทำผิดกับนายสวง บัวเจริญ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ พิพากษาว่าจำเลยทุกสำนวนมีความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ. ๒๔๗๙ (ที่ถูกเป็น พ.ศ. ๒๔๙๗) มาตรา ๑๔ ให้ปรับจำเลยทุกสำนวนคนละ ๑,๐๐๐ บาท สำหรับนาชุมพล สุขเจริญ จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๔๗๓ มาตรา ๓๓ อีกกระทงหนึ่งด้วย ให้ปรับ ๘๐ บาท ลดโทษฐานรับสารภาพข้อหานี้ให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๗๘ คงปรับ ๔๐ บาท บังคับค่าปรับตามมาตรา ๒๙, ๓๐
จำเลยทุกสำนวนอุทธรณ์ว่า ไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๑๔
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า เมื่อจำเลยเป็นเพียงผู้ขับรถอย่างเดียว ไม่ใช่ผู้ได้รับอนุญาตการขนส่งสาธารณะตามมาตรา ๑๔ แห่งพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ. ๒๔๙๗ จำเลยจึงไม่มีความผิดตามฟ้อง และไม่จำต้องวินิจฉัยว่าจำเลยร่วมกระทำความผิดกับนายสวง บัวเจริญ เจ้าของรถยนต์นายจ้างของจำเลยตามประมวลกฎหมาอาญา มาตรา ๘๓ เพราะโจทก์มิได้บรรยายฟ้องจำเลยร่วมกระทำผิดกับผู้ใดและไม่มีคำขอตามมาตรา ๘๓ ด้วย ประเด็นอื่นที่จำเลยอุทธรณ์ ไม่ต้องวินิจฉัยพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์ทุกสำนวนในความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ. ๒๔๙๒ นอกจากที่แก้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาทุกสำนวนขอให้ลงโทษตามฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องของโจทก์บรรยายว่าจำเลยเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะถูกต้องตามความในมาตรา ๑๔ ดังกล่าวแต่ทางพิจารณาไม่ได้ความว่าจำเลยได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะ จำเลยเป็นแต่ลูกจ้างคนขับรถยนต์โดยสารสาธารณะของนายสองเท่านั้น แม้จำเลยจะขับรับผู้โดยสารล่วงล้ำเข้าไปในเส้นทางที่บริษัทเฟรซประเสริฐจำกัดได้รับใบอนุญาตการขนส่งประจำทางก็ตาม คนขับหรือจำเลยซึ่งมิใช่ผู้ได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะย่อมไม่มีความผิดตามมาตรา ๑๔
ที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยเป็นคนขับรถยนต์ขนส่งสาธารณะ เมื่อจำเลยถูกจับจำเลยมิได้แจ้งว่าจำเลยมิใช่ผู้ได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะประการใด จึงฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะตามฟ้องนั้น เห็นว่า จะฟังดังโจทก์อ้างมิได้เพราะข้อนี้เป็นข้อเท็จจริงที่เป็นสารสำคัญข้อแรกของความผิดตามมาตรา ๑๔ ที่โจทก์ฟ้องเมื่อจำเลยปฏิเสธฟ้อง โจทก์ต้องนำสืบ แต่โจทก์มิได้นำสืบข้อนี้เลยและทางพิจารณาก็ไม่ได้ ความเช่นนั้นด้วย
ที่โจทก์อ้างว่า ถ้าความผิดตามมาตรา ๑๔ นี้ จะต้องเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะเท่านั้นแล้ว ก็จะหลบเลี่ยงกฎหมายกันได้ โดยจ้างคนอื่นมาขับรถขนส่งสาธารณะแทนโดยผู้ขับไม่มีความผิดนั้น เห็นว่า เมื่อมาตรา ๑๔ บัญญัติห้ามเฉพาะผู้ได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะเท่านั้นแล้ว จะขยายความไปถึงคนอื่นด้วยไม่ได้ เพราะเป็นความผิดอาญา และจะว่าหลบเลี่ยงกฎหมายกันได้ก็ไม่ได้ เพราะผู้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะที่เป็นเข้าของรถขนส่งสาธารณะนั้น ๆ ย่อมมีความผิดอยู่แล้ว
ที่โจทก์ฎีกาว่า ปรากฏว่าจำเลยทุกคนได้เรียกเก็บค่าโดยสาร หาใช่นายสวงเจ้าของรถขนส่งสาธารณะเป็นผู้เก็บไม่ จึงถือได้ว่าจำเลยเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะเข้าทำการขนส่งในลักษณะที่เป็นการแข่งขันกับผู้ได้รับใบอนุญาตการขนส่งประจำทาง จำเลยจึงมีความผิดนั้น เห็นว่า การเก็บค่าโดยสารมีลักษณะเป็นการแข่งขันจริง แต่เมื่อจำเลยมิใช่ผู้ได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะแล้ว ก็ขาดองค์ความผิดตามมาตรา ๑๔
ที่โจทก์ฎีกาว่า การที่โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดร่วมกับผู้ใดก็เพราะการที่มีบุคคลสองคนร่วมกันกระทำผิดนั้นโจทก์ไม่จำเป็นต้องบรรยายฟ้อง เพียงแต่บรรยายว่าจำเลยกระทำผิดกฎหมายก็พอแล้ว และไม่ต้องระบุมาตรา ๘๓ แห่งประมวลกฎหมายอาญามาในคำขอด้วยนั้น เห็นว่า โจทก์จะไม่ระบุประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๘๓ มาด้วยก็ได้ แต่กรณีบุคคลสองคนขึ้นไปร่วมกันกระทำผิดนั้นโจทก์จะต้องบรรยาย มิฉะนั้นก็ไม่มีข้อหาหรือประเด็นว่าจำเลยกระทำผิดร่วมกับพวกหรือไม่ความผิดตามมาตรา ๑๔ ที่โจทก์ฟ้อง เป็นความผิดเฉพาะตัวบุคคลผู้ได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะเท่านั้น ไม่อาจมีการร่วมกันกระทำผิดกับผู้ที่มิได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะด้วยได้
พิพากษายืน