แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ถ้อยคำที่จำเลยต่อว่าและท้าทายผู้เสียหายว่า “อ้ายพงษ์ลื้อจะเอากับหลงจู๊ เอากับอั๋วไหม” และพฤติการณ์ที่จำเลยยกปืน ซึ่งขึ้นนกแล้วและนิ้วอยู่ในโกร่งไกปืน จ้องเล็งไปยังหน้าอกผู้เสียหาย ซึ่งอยู่ห่างเพียง 3 เมตร แล้วปืนลั่นถูกผู้เสียหายนั้น ถือว่าจำเลยยิงผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า แต่ในขณะที่จำเลยยิง มีผู้อื่นกดมือจำเลยต่ำลง กระสุนพลาดไปถูกโคนขาผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงไม่ถึงแก่ความตายนั้น การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพยายามฆ่านายพงษ์ หรือสมพงษ์ แซ่ห่าน ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๗๒ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐ ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ให้การภาคเสธในข้อหาฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐ ซึ่งเป็นกระทงหนักที่สุด จำคุกจำเลย ๑๒ ปี ลดให้ ๑ ใน ๓ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๗ คงจำคุก ๘ ปี ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์เฉพาะข้อหาฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๗๒ จำคุกจำเลย ๒ เดือน ลดกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๑ เดือน ยกฟ้องข้อหาพยายามฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยถือปืนพกสั้นมาต่อว่าท้าทายผู้เสียหายว่า “อ้ายพงษ์ลื้อจะเอากับหลงจู๊เอากับอั๊วไหม” แล้วจำเลยยกปืนซึ่งจำเลยได้ขึ้นนกและนิ้วอยู่ในโกร่งไกปืนขึ้นจ้องเล็งไปยังหน้าอกผู้เสียหายซึ่งอยู่ห่างเพียง ๓ เมตร แล้วปืนลั่นขึ้นถูกผู้เสียหาย พฤติการณ์และถ้อยคำฟังได้สนิทว่า จำเลยยิงผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่า แต่ในขณะที่จำเลยยิงนั้น นางสำเนียงกดมือจำเลยต่ำลง กระสุนพลาดไปถูกโคนขาซึ่งเป็นอวัยวะไม่สำคัญ ผู้เสียหายจึงไม่ถึงแก่ความตาย จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่า
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น