คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1462/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การกระทำของจำเลยตามที่โจทก์บรรยายมาในคำฟ้องเป็นการกระทำโดยมิชอบนั้น เป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับข้อตกลงตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีของศาลแพ่งแดงที่ 1696/2512ระหว่าง ป. โจทก์ ว. จำเลย ซึ่งทำยอมความกันไว้เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2512 ซึ่งข้อ 5 มีความว่า โจทก์จำเลยตกลงให้มีกรรมการตรวจงาน 3 นาย ให้กรรมการทั้ง 3 นาย มีอำนาจชี้ขาดว่าการก่อสร้างแล้วเสร็จตามข้อตกลงหรือไม่ ต่อมาเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2512 กรรมการตรวจงานทั้งสามคนได้ไปตรวจงานก่อสร้างทุกรายการตามสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าโจทก์จำเลยในคดีนั้นแล้ว เห็นว่าผลงานก่อสร้างทุกรายการตามสัญญาประนีประนอมยอมความเสร็จเรียบร้อยใช้การได้ และฝีมือช่างที่ก่อสร้างอยู่ในขั้นปราณีตใช้การได้ดี ปรากฏเช่นนี้ โจทก์มาบรรยายฟ้องคดีนี้ว่า การตรวจงานของจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4(หมายถึงคณะกรรมการตรวจงานในคดีแรก) ไม่ได้กระทำการโดยสุจริตฯลฯ กรณีดังที่กล่าวมาเห็นได้ชัดแจ้งว่า ข้อโต้แย้งของโจทก์ในคดีนี้เป็นข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1696/2512 โจทก์ชอบที่จะต้องขอให้ดำเนินกระบวนการพิจารณาให้รู้ว่าคณะกรรมการผู้ตรวจงานทำถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ในคดีเดิม ไม่ชอบที่จะมาฟ้องเป็นคดีใหม่

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าให้มีคำพิพากษาเพิกถอน ทำลายบันทึกของคณะกรรมการตรวจงานลงวันที่ 8 มิถุนายน 2512 ในคดีแพ่งแดงที่ 1696/2512 ของศาลแพ่งอันเป็นกลฉ้อฉล และเป็นโมฆะ

ศาลชั้นต้นเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์เป็นเรื่องเกี่ยวกับการบังคับคดีในคดีแดงที่ 1692/2512 ของศาลแพ่ง โจทก์ชอบที่จะร้องต่อศาลในสำนวนคดีเดิมไม่ชอบที่จะมาฟ้องเป็นคดีใหม่ คำฟ้องของโจทก์มิได้เป็นไปตามเงื่อนไขแห่งกฎหมายที่บังคับไว้ จึงไม่รับคำฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า การกระทำของจำเลยตามที่โจทก์บรรยายมาในคำฟ้องว่าเป็นการกระทำโดยมิชอบนั้น เป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับข้อตกลงตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีของศาลแพ่งแดงที่ 1696/2512ระหว่าง ป.โจทก์ ว.จำเลย ซึ่งทำยอมความกันไว้เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2512 ซึ่งข้อ 5 มีความว่าโจทก์จำเลยตกลงให้มีกรรมการตรวจงาน 3 นาย คือ (1) นายสำเภา จันทรเมฆา (2) นายชวลิต หะรินเดช (3) จ่าศาลแพ่งให้กรรมการทั้ง 3 นายมีอำนาจชี้ขาดว่า การก่อสร้างแล้วเสร็จตามข้อตกลงหรือไม่…ฯลฯ ข้อ 6 ถ้ากรรมการดังกล่าวในข้อ 5 ชี้ขาดว่าโจทก์ทำการก่อสร้างถูกต้องตามสัญญานี้แล้ว จำเลยจะต้องจ่ายเงินสามแสนบาทถ้วนให้โจทก์ภายในกำหนด 30 วัน นับแต่วันที่ 23 กรกฎาคม2512 ต่อมาเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2512 กรรมการตรวจงานทั้งสามคนได้ไปตรวจงานก่อสร้างทุกรายการตามสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าโจทก์ จำเลยในคดีนั้นแล้วเห็นว่าผลงานก่อสร้างทุกรายการตามสัญญาประนีประนอมยอมความเสร็จเรียบร้อยใช้การได้และฝีมือช่างที่ก่อสร้างอยู่ในขั้นปราณีตใช้การได้ดี ปรากฏเช่นนี้โจทก์มาบรรยายฟ้องคดีนี้ว่าการตรวจงานของจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 (หมายถึงคณะกรรมการตรวจงานในคดีแรก) ไม่ได้กระทำการโดยสุจริต ฯลฯ โดยเชื่อถือแต่คำชี้แจงของจำเลยที่ 1 ทั้งไม่ยินยอมให้โจทก์ชี้แจงโต้แย้งการก่อสร้างของจำเลยที่ 1 ที่ทำไม่ถูกต้องตามสัญญาเลยแม้แต่น้อย ทั้งมิได้ตรวจงานครบถ้วนทุกรายการตามที่ระบุไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความ แล้วกรรมการตรวจงานทั้งสามร่วมกันทำบันทึกลงวันที่ 8 มิถุนายน 2512 อันเป็นความเท็จ เพราะทำขึ้นฝ่าฝืนและขัดแย้งต่อความจริง เป็นบันทึกที่ทำขึ้นด้วยกลฉ้อฉลของจำเลยทั้งสี่ ให้ศาลแพ่งหลงเชื่อว่าเป็นความจริงตามบันทึก จำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิจะนำบันทึกดังกล่าวมาขอให้ศาลบังคับโจทก์ให้ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความได้ กรณีดังที่กล่าวมาเห็นได้ชัดแจ้งว่าข้อโต้แย้งของโจทก์ในคดีนี้เป็นข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1696/2512 โจทก์ชอบที่จะต้องขอให้ดำเนินกระบวนการพิจารณาให้รู้ว่าคณะกรรมการตรวจงานทำถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ในคดีเดิม ไม่ชอบที่จะมาฟ้องเป็นคดีใหม่ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องและศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย

พิพากษายืน

Share