แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1 สำหรับความผิดตาม ป.อ.มาตรา 288, 80 โจทก์จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในความผิดดังกล่าวตาม ป.วิ.อ.มาตรา 220
จำเลยที่ 1 พาจำเลยที่ 2 กับพวกอีก 4 คน มาที่ร้านผู้เสียหาย แล้วรุมชกต่อยผู้เสียหาย แม้จำเลยที่ 2 ชักอาวุธมีดปลายแหลมยาว 1 คืบเศษออกมาจะแทงผู้เสียหาย แต่จำเลยที่ 2 ก็ยังอยู่ห่างจากผู้เสียหายถึง 2 เมตร การกระทำดังกล่าวเพียงแต่แสดงว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น ไม่อาจชี้ให้เห็นได้ว่ามีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘,๘๐, ๘๓
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘, ๘๐ ให้จำคุก ๑๕ ปี สำหรับจำเลยที่ ๑ นั้น ให้ยกฟ้อง
โจทก์และจำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๕, ๘๐, ๘๓ ให้จำคุกคนละ ๘ เดือน ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐ คดีสำหรับจำเลยที่ ๑ นั้น ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องสำหรับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในความผิดดังกล่าวตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๐ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ.๒๕๓๒ มาตรา ๑๓ ฎีกาของโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ ๑ ศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้ คงมีปัญหาวินิจฉัยเฉพาะจำเลยที่ ๒ เท่านั้น ว่าจะเป็นความผิดตามที่โจทก์ฎีกาหรือไม่ ข้อเท็จจริงยุติตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโดยไม่มีฝ่ายใดโต้แย้งว่าจำเลยที่ ๑ พาจำเลยที่ ๒ กับพวกอีก ๔ คน มาที่ร้านผู้เสียหายแล้วรุมชกต่อยผู้เสียหายจำเลยที่ ๒ เป็นคนชักอาวุธปืนมีดแหลมออกมาจะแทงผู้เสียหายขณะอยู่ห่างจากผู้เสียหายประมาณ๒ เมตร ผู้เสียหายจึงใช้อาวุธปืนยิงไป ๑ นัด กระสุนปืนถูกขาของจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๒ จึงทำร้ายผู้เสียหายไม่ได้ เห็นว่า การที่จำเลยที่ ๒ เงื้อมีดจะแทงผู้เสียหายนั้น แม้มีดที่จำเลยที่ ๒ใช้จะเป็นมีดปลายแหลมยาวประมาณ ๑ คืบเศษ แต่จำเลยที่ ๒ ยังอยู่ห่างจากผู้เสียหายถึง ๒ เมตรจึงไม่เป็นข้อที่จะทำให้เห็นได้เป็นยุติว่า จำเลยที่ ๒ มีเจตนาจะแทงในส่วนใดของร่างกายผู้เสียหายซึ่งจะแสดงให้เห็นว่าส่วนที่จะถูกแทงนั้นอาจทำให้ถึงแก่ความตายได้ การกระทำของจำเลยที่ ๒ ในลักษณะดังนี้เพียงแต่แสดงว่าจำเลยที่ ๒ มีเจตนาทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น ยังไม่อาจชี้ให้เห็นได้ว่าจำเลยที่ ๒ มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย
พิพากษายืน.