คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1020/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำพิพากษาในคดีอื่นซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน ไม่ผูกพันคู่ความในอีกคดีหนึ่ง
คำเบิกความของพยานในคดีหนึ่งจะนำมาใช้ยันคู่ความในอีดคดีหนึ่งไม่ได้ เพราะมิได้พิจารณาต่อหน้าคู่ความในคดีนั้น และคู่ความในคดีนั้นไม่มีโอกาสซักค้าน หากโจทก์จะประสงค์จะให้ข้อเท็จจริงได้เข้ามาสู่สำนวนความโจทก์ต้องนำพยานนั้นมาสืบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีเจตนาทุจริต ออกเช็คโดยมีเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้นและออกเช็คสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ในขณะที่ออกเช็ค ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓ (๑) (๓)
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่โจทก์ฎีกาว่าศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงนอกสำนวนนั้นศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยตรงตามพยานหลักฐานในสำนวนและที่โจทก์กล่าวว่า คดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๔๒๖/๒๕๐๗ ของศาลอาญา ศาลรับฟังว่าจำเลยกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ มาตรา ๓(๒)(๓) และ (๕) ทั้งข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยยอมถอนหุ้นออกจากห้าง และยังเป็นหนี้ห้างอยู่ ๓๕,๐๐๐ บาท จึงออกเช็ค ๔ ฉบับ เป็นเงิน ๓๕,๐๐๐ บาท โจทก์ไม่จำต้องนำนายจำนงเข้าสืบอีกนั้น เห็นว่า คดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๔๒๖/๒๕๐๗ ของศาลอาญาคดีนี้เป็นคนละเรื่องกัน คำพิพากษาคดีดังกล่าวหาผูกพันจำเลยในคดีนี้ไม่ทั้งคำเบิกความของนายจำนงในดคีนั้น ก็นำมาใช้ยันจำเลยในคดีนี้ไม่ได้เพราะมิได้พิจารณาต่อหน้าจำเลยในคดีนี้ และจำเลยไม่มีโอกาสซักค้าน หากโจทก์ประสงค์จะให้ข้อเท็จจริงใดเข้ามาสู่สำนวนความในคดีนี้โดยคำเบิกความของนายจำนง โจทก์ก็จำต้องนำสืบนายจำนงในคดีนี้ จะนำคำเบิกความของนายจำนงในคดีอื่นมาใช้ยันจำเลยในคดีนี้ไม่ได้
พิพากษายืน

Share