คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 30/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยต้องคำพิพากษาให้จำคุกไม่ต่ำกว่า 6 เดือนมาแล้ว 3 ครั้ง แต่ปรากฏว่าสองคดีก่อน จำเลยพ้นโทษไปก่อนวันใช้พระราชบัญญัติล้างมลทิน ฯ จำเลยจึงได้รับการล้างมลทินหมดไปแล้วตามมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติล้างมลทิน ฯ พ.ศ. 2499 จะถือว่าจำเลยเคยต้องคำพิพากษาลงโทษจำคุกมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ครั้งไม่ได้ ดังนี้ ศาลย่อมไม่มีอำนาจพิพากษาให้กักกันจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 41

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์ (ล้วงกระเป๋า) ขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๔, ๓๓๗ จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกมาแล้วเกินกว่า ๖ เดือน ฐานลักทรัพย์มาก่อนแล้วรวม ๓ ครั้ง ขอให้ลงโทษ เพิ่มโทษ และกักกันจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๔๑, ๙๓
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเคยต้องโทษและพ้นโทษมาแล้วตามฟ้องจริง
ศาลชั้นต้นเชื่อว่าจำเลยเป็นคนร้ายล้วงกระเป๋าตามโจทก์ฟ้องจริง พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๔ ให้จำคุก ๘ เดือน จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกไม่ต่ำกว่า ๖ เดือน มากระทำผิดซ้ำในอนุมาตราเดียวกันภายใน ๓ ปี นับแต่วันพ้นโทษ ให้เพิ่มโทษกึ่งหนึ่งจำคุก ๑ ปี และจำเลยเคยต้องคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกไม่ต่ำกว่า ๖ เดือน ในความผิดประเภทเดียวกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๔๑ (๘) มาแล้วถึง ๓ ครั้ง และมากระทำผิดในคดีนี้อีกอันเป็นประเภทเดียวกัน กรณีถือได้ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิดติดนิสัยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๔๑ เมื่อพ้นโทษจำคุกแล้วให้ส่งตัวจำเลยไปกักกัน ๓ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาข้อกฎหมายเฉพาะข้อที่ศาลอุทธรณ์ พิพากษาให้กักกันจำเลยว่า ก่อนคดีนี้จำเลยเคยถูกศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุกในความผิดเกี่ยวกับทรัพย์เกิน ๖ เดือน มาแล้ว ๓ ครั้ง พ้นโทษคดีสุดท้ายมาจนถึงวันกระทำผิดคดีนี้ยังไม่เกิน ๑๐ ปี จึงไม่อยู่ในข่ายที่จะกักกันจำเลยได้ อีกประการหนึ่ง ความผิดก่อน พ.ศ. ๒๕๐๐ ของจำเลยได้รับการล้างมลทินไปแล้ว จะพิพากษาให้กักกันจำเลยไม่ได้
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประวัติอาชญากรท้ายฟ้อง จำเลยเคยถูกศาลพิพากษาให้ลงโทษและพ้นโทษภายหลังวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๐๐ ซึ่งเป็นวันที่พระราชบัญญัติล้างมลทินในโอกาสครบ ๒๕ พุทธศตวรรษ พ.ศ. ๒๔๙๙ ใช้บังคับเพียงคดีเดียว คือ คดีหมายเลขแดงที่ ๖๓๖/๒๕๐๙ ของศาลจังหวัดสงขลา ฐานลักทรัพย์ ให้จำคุก ๙ เดือน พ้นโทษเมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๐๙ ส่วนคดีก่อนนอกนั้นจำเลยพ้นโทษไปก่อนวันใช้พระราชบัญญัติล้างมลทินทั้งสิ้น แล้ววินิจฉัยว่าจำเลยย่อมได้รับการล้างมลทินไปหมดแล้วตามมาตรา ๓ ที่ให้ถือว่าจำเลยมิได้เคยต้องคำพิพากษาว่าได้กระทำผิดมาก่อนเลย จะถือว่าจำเลยเคยถูกพิพากษาให้ลงโทษจำคุกมาแล้วไม่ต่ำกว่าสองครั้งไม่ได้ เพราะไม่ครบเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรา ๔๑ ศาลจึงไม่มีอำนาจพิพากษาให้กักกันจำเลย พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เฉพาะว่า เมื่อจำเลยพ้นโทษแล้ว ไม่ต้องส่งจำเลยไปกักกัน

Share