แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่า อุทธรณ์โจทก์ประเด็นแรกเป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลจึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54ส่วนประเด็นที่สอง ศาลวินิจฉัยแล้วว่าค่าเสียหายมีจำนวนตามที่โจทก์อุทธรณ์ จึงไม่เป็นสาระแก่คดีตามความแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน มาตรา 31 จึงไม่รับอุทธรณ์โจทก์โจทก์เห็นว่าอุทธรณ์โจทก์เป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า ศาลแรงงานกลางฟังพยานหลักฐานไม่ถูกต้อง หากศาลได้ฟังพยานหลักฐานทั้งหมดแล้วจะเห็นได้ว่าจำเลยที่ 4 เป็นตัวการหรือมีส่วนร่วมให้เกิดความเสียหายขึ้นเป็นคนแรก โปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยที่ 4 ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 175)
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งหกร่วมกันใช้ค่าเสียหายจำนวน1,926,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2527 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์ศาลฎีกาได้ชี้ขาดมาครั้งหนึ่งแล้วโดยพิพากษากลับคำพิพากษาของศาลแรงงานกลางให้จำเลยทุกคนรับผิด ยกเว้นแต่จำเลยที่ 4ให้ศาลแรงงานกลางพิจารณาพิพากษาใหม่
ศาลแรงงานกลางพิจารณาใหม่แล้วพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 4
โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 172)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 173)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ได้สรุปข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยแล้วอ้างว่าศาลแรงงานกลางมิได้หยิบยกพยานหลักฐานทั้งหมดขึ้นวินิจฉัยและขอให้ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยที่ 4ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จึงต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นเรื่องโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางที่ฟังว่า จำเลยที่ 4 ปฏิบัติหน้าที่โดยชอบแล้ว จึงไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์อันเป็นข้อเท็จจริง ที่ศาลแรงงานกลางไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง