คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1255/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เดิมโจทก์จำเลยตั้งใจกันทำสัญญาซื้อขายนาพิพาท แต่เมื่อไปถึงกำนันกำนันว่าทำให้ไม่ได้ ทำได้แต่สัญญาจำนำแล้วโจทก์จำเลยก็เปลี่ยนความตั้งใจทำสัญญาจำนำ ดังนี้จำเลยจะยกเอาความตั้งใจเดิมมาลบล้างสัญญาที่โจทก์จำเลยทำโดยความตกลงใหม่นี้ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้ทำสัญญาจำนำที่นำไว้กับจำเลย 1 แปลง เป็นเงิน 300 บาทตามสัญญาว่าจำนำกัน 5 ปี พ้นกำหนด 5 ปี โจทก์ไถ่ถอนได้ แต่ต้องไถ่ 500 บาท พ้นกำหนด 5 ปีแล้ว โจทก์ไปขอไถ่จำเลยไม่ยอมให้ไถ่ และไม่ยอมรับเงินจึงขอให้บังคับจำเลยรับเงิน 500 บาทและคืนที่นาให้โจทก์ จำเลยให้การว่าเมื่อประมาณ 15 ปีมานี้โจทก์จำเลยได้แสดงเจตนาจะซื้อขายนาพิพาทเป็นเงิน 300 บาทแต่กำนันว่าทำหนังสือสัญญาซื้อขายให้ไม่ได้ ถ้าทำเป็นสัญญาจำนองทำได้ จึงได้ทำสัญญาจำนองกัน และจำเลยยื่นคำให้การเพิ่มเติมว่าการที่ทำจำนองเป็นเจตนาอำพรางเจตนาแท้จริงตั้งใจซื้อขายกัน กับตัดฟ้องว่าคดีขาดอายุความแล้ว

ศาลชั้นต้นฟังว่า โจทก์จำเลยได้ซื้อขายนาพิพาทกันดังข้อต่อสู้ของจำเลย สัญญาที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นนิติกรรมอำพราง พิพากษายกฟ้องศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยรับเงิน และคืนนาให้โจทก์

จำเลยฎีกาว่า สัญญาซึ่งโจทก์นำมาฟ้องเป็นนิติกรรมอำพราง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้เดิมโจทก์จำเลยตั้งใจกันทำสัญญาซื้อขายนาพิพาทก็ตาม แต่เมื่อไปถึงกำนันว่าทำให้ไม่ได้ทำได้แต่สัญญาจำนำ แล้วโจทก์จำเลยก็เปลี่ยนความตั้งใจเดิมมาสมัครใจทำสัญญาตามที่โจทก์นำมาฟ้องจำเลย จำเลยจะยกความตั้งใจเดิมมาลบล้างสัญญาซึ่งโจทก์จำเลยทำกันโดยตกลงกันใหม่หาได้ไม่รูปคดีฟังไม่ได้ว่าสัญญาซึ่งโจทก์นำมาฟ้องจำเลยเป็นนิติกรรมอำพราง

พิพากษายืน

Share