แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ตายมีสามีและมีบุตร ต้องแบ่งมรดกให้คนละเท่าๆกัน
ผู้ตายมีบิดาและมีภรรยาต้องแบ่งให้คนละครึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้แสดงว่า โจทก์มีสิทธิได้รับที่ดินมรดกนางอ่องภรรยาแต่ผู้เดียว อย่าให้จำเลยขัดขวาง จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นทายาทโดยธรรมมีสิทธิได้รับมรดก ศาลชั้นต้นฟังว่า โจทก์เป็นสามีนางอ่อง นางจูเป็นบุตรนางอ่อง นางกีเป็นภรรยานายผิดซึ่งเป็นบุตรโจทก์และนางอ่อง และฟังว่า โจทก์และนางอ่องมีสินเดิม จึงพิพากษาให้แบ่งที่ออกเป็น 3 ส่วน โจทก์ได้สมรส 2 ส่วน เหลือ 1 ส่วนเป็นสมรสของนางอ่องเป็นมรดกให้ โจทก์ได้กึ่งหนึ่ง จำเลย 2 คนได้กึ่งหนึ่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า นางอ่องตายเมื่อ พ.ศ. 2487 จึงต้องแบ่งมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1635 จึงพิพากษาให้แบ่งส่วนมรดกของนางอ่องออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่โจทก์ นางจูและนายผิวคนละส่วนเท่า ๆ กัน นายผิวตายแล้ว ส่วนของนายผิวเป็นมรดกตกได้แก่โจทก์ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งตกได้แก่นางกีจำเลย