แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ร่วมทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 จึงไม่รับฎีกา
โจทก์ร่วมทั้งสองเห็นว่า ตามที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคนร้ายยิงผู้เสียหายเพียงนัดเดียว ขัดกับรายงานชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้อง เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในสำนวน จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายซึ่งโจทก์ร่วมมีสิทธิหยิบยกขึ้นฎีกาได้ และการวินิจฉัยข้อกฎหมายดังกล่าวศาลฎีกาไม่จำเป็นต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนแต่อย่างใด โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ร่วมไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80,288,289,339,340 ตรี ฯลฯ
ระหว่างพิจารณา นางบุญเกิด ฤกษ์สถิตย์และนายสนองฤกษ์สถิตย์ผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม
ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์และโจทก์ร่วมทุกข้อหา ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ร่วมทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับดังกล่าว(อันดับ 78)
โจทก์ร่วมทั้งสองจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 82)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ที่ศาลล่างรับฟังว่า คนร้ายยิงผู้เสียหายนัดเดียวเพราะปืนที่ยิงเป็นปืนลูกซองจึงไม่ขัดกับรายงานแพทย์ที่ว่าผู้เสียหายมีบาดแผลเป็นรอยกระสุนหลายรอยฎีกาของโจทก์ร่วมจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ให้ยกคำร้อง