คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2811/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ธนาคารออมสินโจทก์ได้ออกคำสั่งวางระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับการถอนเงินของนักเรียนผู้ฝากเงินนอกสถานที่ไว้ว่า เวลาจะถอนนักเรียนต้องมอบฉันทะให้อาจารย์ผู้ปกครองเป็นผู้ขอถอนให้โดยลงชื่อในใบมอบฉันทะ แล้วมอบให้เจ้าหน้าที่ของธนาคารนำมาเบิกเงินที่ธนาคารเมื่อตรวจสอบกับบัญชีเงินฝากมียอดเงินถูกต้อง ก็ให้เจ้าหน้าที่ของธนาคารเซ็นรับเงินไปตามที่ขอถอน แล้วนำใบถอนเงินกลับไปให้ผู้รับมอบฉันทะเซ็นชื่อในช่องผู้รับเงินในใบถอน แล้วจึงมอบเงินให้ จำเลยดำรงตำแหน่งหัวหน้ากองส่งเสริมการออมทรัพย์ของธนาคารออมสินโจทก์ มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว และได้ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าวมาหลายปี แต่ต่อมาจำเลยได้ออกคำสั่งใหม่โดยมิชอบด้วยระเบียบแบบแผนแก่พนักงานในบังคับบัญชาของจำเลย เปลี่ยนแปลงทางปฏิบัติตามคำสั่งเดิมที่วางไว้ว่า เมื่อมีการถอนเงินก็ให้มอบฉันทะให้พนักงานธนาคารมาถอนแล้ว พนักงานผู้มาถอนก็รับเงินของผู้ฝากไปมอบให้แก่ผู้ถอนนอกสถานที่ ซึ่งการปฏิบัติเช่นนี้ทำให้ปราศจากหลักฐานในการตรวจสอบว่าพนักงานจ่ายเงินให้แก่ตัวผู้ถอนหรือไม่ และเป็นเหตุให้พนักงานใต้บังคับบัญชาของจำเลยซึ่งได้รับมอบฉันทะจากนักเรียนให้มาถอนเงินแทนได้รับเงินแล้วไม่นำไปมอบให้แก่นักเรียนผู้มอบฉันทะ ดังนี้ จำเลยซึ่งเป็นผู้ออกคำสั่งย่อมต้องรับผิดในฐานะที่จำเลยเป็นผู้ประมาทเลินเล่อก่อให้เกิดความเสียหายแก่ธนาคารออมสินโจทก์ เมื่อผู้ฝากเงินยังไม่ได้รับเงินไป เพราะความผิดของพนักงานธนาคารซึ่งจำเลยต้องร่วมรับผิดชอบด้วย โดยธนาคารออมสินโจทก์ต้องรับสำรองจ่ายให้แก่ผู้ฝากไป ธนาคารออมสินโจทก์ก็ย่อมมีสิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นพนักงานของโจทก์ ดำรงตำแหน่งหัวหน้ากองส่งเสริมการออมทรัพย์ มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับหรือคำสั่งซึ่งคณะกรรมการหรือผู้อำนายการกำหนดเรื่องการถอนเงินของผู้ฝากเงินนอกสถานที่ มีระเบียบปฏิบัติที่ได้ออกคำสั่งไว้ และปฏิบัติกันมาในกิจการค้าของโจทก์ แต่ต่อมาจำเลยได้สั่งการโดยปราศจากอำนาจให้พนักงานในสังกัดกองของจำเลยปฏิบัติเกี่ยวกับการรับฝากเงินนอกสถานที่ใหม่อันเป็นการขัดต่อคำสั่งเดิม และไม่ชอบด้วยวิธีปฏิบัติตามทางที่เคยทำกันมาในกิจการค้าของธนาคารโจทก์ ไม่ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ของธนาคารโจทก์ เป็นเหตุให้นายวัชระพนักงานออมสินยักยอกเงินของโจทก์ไปเป็นจำนวน 23,473.73 บาท ซึ่งเงินจำนวนนี้เป็นเงินที่นักเรียนพยาบาล 74 รายของโรงเรียนการพยาบาลและอนามัยพญาไทเป็นผู้ขอถอนในฐานะเจ้าของบัญชีและผู้มอบฉันทะให้นายวัชระซึ่งไปปฏิบัติหน้าที่นอกสถานที่ลงชื่อในฐานะผู้รับมอบฉันทะ เจ้าหน้าที่ได้จ่ายเงินให้นายวัชระไป ทั้งนี้โดยเจ้าหน้าที่และนายวัชระได้ปฏิบัติตามคำสั่งของจำเลยดังกล่าว แต่นายวัชระหาได้นำเงินจำนวนดังกล่าวไปจ่ายให้แก่นักเรียนพยาบาล 74 รายนั้นไม่ ทำให้โจทก์ต้องรับผิดและจ่ายเงินให้นักเรียนพยาบาล 74 ราย ไปใหม่ จึงขอให้จำเลยชำระค่าสินไหมทดแทนเงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย

จำเลยให้การต่อสู้คดีหลายประการ สรุปแล้วว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยเป็นผู้ประมาทออกคำสั่งเปลี่ยนแปลงคำสั่งที่ออกไว้เดิม ทำให้โจทก์เสียหาย พิพากษาให้จำเลยใช้เงินและดอกเบี้ยตามฟ้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การถอนเงินของนักเรียน เวลาจะถอนนักเรียนต้องมอบฉันทะให้อาจารย์ผู้ปกครองเป็นผู้ขอถอน โดยลงชื่อในใบมอบฉันทะแล้วมอบให้เจ้าหน้าที่ของธนาคารโจทก์นำมาเบิกที่ธนาคารโจทก์เมื่อตรวจสอบกับบัญชีเงินฝากมียอดเงินถูกต้องแล้ว เจ้าหน้าที่ของธนาคารโจทก์ก็จะเซ็นรับเงินไปตามจำนวนนั้น ๆ แล้วนำใบถอนเงินกลับไปให้ผู้รับมอบฉันทะเซ็นชื่อในช่องผู้รับเงินในใบถอนแล้วจึงมอบเงินให้ ทั้งนี้เพื่อเป็นหลักฐานตรวจสอบได้ว่าผู้ฝากได้ถอนเงินไปจากบัญชีแล้วจริง จำเลยได้ปฏิบัติตามคำสั่งข้างต้นมาหลายปี ต่อมาจำเลยจึงออกคำสั่งแก่เจ้าพนักงานในบังคับบัญชาของจำเลยใหม่เปลี่ยนแปลงทางปฏิบัติตามคำสั่งเดิมที่วางไว้ว่า เมื่อมีการถอนเงินก็ให้มอบฉันทะให้แก่พนักงานธนาคารมาถอน แล้วพนักงานผู้มาถอนก็รับเงินของผู้ฝากไปมอบให้แก่ผู้ถอนนอกสถานที่ การปฏิบัติเช่นนี้พนักงานจะไปจ่ายเงินให้แก่ตัวผู้ถอนหรือไม่ จึงปราศจากหลักฐานในการตรวจสอบ การปฏิบัติตามวิธีที่จำเลยออกคำสั่งใหม่นี้ เป็นเหตุให้ผู้ถอนเงินมอบฉันทะให้พนักงานธนาคารซึ่งอยู่ใต้บังคับบัญชาของจำเลยมาถอนเงินแทนได้ แต่เมื่อได้รับเงินไปจากธนาคารแล้วไม่ได้นำเงินตามจำนวนที่ได้รับมอบฉันทะไปมอบให้แก่นักเรียนผู้มอบฉันทะ การปฏิบัติการของพนักงานเช่นนี้ได้ก็โดยอาศัยคำสั่งที่จำเลยออกไปโดยมิชอบด้วยระเบียบแบบแผน เพราะฉะนั้นจำเลยซึ่งเป็นผู้ออกคำสั่งย่อมต้องรับผิดในฐานะที่จำเลยเป็นผู้ประมาทเลินเล่อก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ โดยการฝ่าฝืนระเบียบปฏิบัติของธนาคารที่มีอยู่เดิม ประกอบด้วยโจทก์ในฐานะผู้เสียหายต้องรับผิดชอบในการรับฝากเงินเมื่อผู้ฝากเงินยังมิได้รับเงินไปเพราะความผิดของพนักงานธนาคารซึ่งจำเลยต้องร่วมรับผิดชอบด้วย โดยโจทก์ต้องรับสำนองจ่ายให้แก่ผู้ฝากเช่นนี้ โจทก์จึงมีสิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76 จำเลยจะมาโต้แย้งว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องหาได้ไม่

พิพากษายืน

Share