คำสั่งคำร้องที่ 567/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า ศาลฎีกามีคำพิพากษาให้จำเลยที่ 2 เสียค่าฤชาธรรมเนียมในการยื่นอุทธรณ์แยกต่างหากจากจำเลยที่ 1 แต่ไม่ได้กำหนดระยะเวลาให้จำเลยที่ 2 ชำระค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ประกอบกับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ที่ได้ยื่นแล้วนั้น ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาแก้คำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินแก่โจทก์ 414,887.64 บาท เป็นให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินแก่โจทก์ 303,117.91 บาท ซึ่งจำเลยที่ 1ก็ได้ยื่นฎีกาไว้แล้วเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2529 โดยเสียค่าฤชาธรรมเนียมเพียง 8,825 บาท จำเลยที่ 2 มีความประสงค์ขอชำระค่าฤชาธรรมเนียมในการฟ้องอุทธรณ์ โดยจะขอชำระในวงเงิน8,825 บาท ตามจำนวนทุนทรัพย์ตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ซึ่งเป็นคำพิพากษาของศาลที่สูงกว่า จะเป็นการชอบด้วยมาตรา 146แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งหรือไม่ โปรดมีคำสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมในการฟ้องอุทธรณ์สำหรับจำเลยที่ 2 ต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
จำเลยที่ 2 ชำระค่าคำร้องมา 20 บาท
กรณีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินที่จำเลยที่ 1 เบิกเงินเกินบัญชีโดยมีจำเลยที่ 2จำนองที่ดินเป็นประกัน ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินจำนวน419,857.69 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระหรือชำระไม่ครบถ้วน ให้ยึดทรัพย์จำนองขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ ให้ยึดทรัพย์สินอื่นชำระหนี้ส่วนที่ขาดจนครบ จำเลยที่ 1 และที่ 2 ต่างแยกกันอุทธรณ์ โดยจำเลยที่ 1 เสียค่าขึ้นศาลครบถ้วน ส่วนจำเลยที่ 2 ไม่เสียค่าขึ้นศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยที่ 2นำค่าขึ้นศาลมาชำระภายใน 10 วัน มิฉะนั้นจะถือว่าทิ้งฟ้องจำเลยที่ 2 อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 26)

คำสั่ง
ล่วงเลยเวลา 10 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นกำหนดแล้วและศาลชั้นต้นก็ได้สั่งไม่รับคำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2โดยจำเลยที่ 2 มิได้อุทธรณ์คำสั่งนี้แต่อย่างใดจึงไม่อาจอนุญาตให้จำเลยที่ 2 ชำระค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์อีกได้ ยกคำร้อง

Share