แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่า อุทธรณ์จำเลยเป็นการโต้แย้งดุลยพินิจของศาล อันเป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 54 จึงไม่รับอุทธรณ์จำเลย
จำเลยเห็นว่า อุทธรณ์ของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าศาลแรงงานกลางวินิจฉัยคดีขัดต่อพยานหลักฐานในสำนวน โปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของจำเลยด้วย
หมายเหตุ ศาลแรงงานกลางได้ส่งสำเนาคำร้องให้โจทก์โดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับแล้ว (อันดับ 48)
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชย6,300 บาท ค่าสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า 1,050 บาท และค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม 3,000 บาท สำหรับดอกเบี้ยที่โจทก์ขอมานั้น ให้จำเลยจ่ายดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในจำนวนเงินค่าชดเชยนับแต่วันเลิกจ้าง ส่วนเงินสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าเสียหายไม่ปรากฏว่ามีการทวงถามเมื่อใด จึงให้คิดดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 40)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 42)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลแรงงานกลางฟังว่า โจทก์มิได้สมัครใจลาออกหนังสือลาออกของโจทก์เอกสารหมาย ล.2 โจทก์ได้ลงชื่อไว้ก่อนจำเลยกรอกข้อความลาออกของโจทก์ในภายหลังเอง ที่จำเลยอุทธรณ์ว่าโจทก์สมัครใจลาออกโดยลงชื่อในใบลาออกเอกสารหมาย ล.2 ต่อหน้าพยานจำเลย มิใช่ลงชื่อในกระดาษไว้ล่วงหน้าจึงเป็นอุทธรณ์โต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางฟังมาดังกล่าว อันเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ศาลแรงงานกลางสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยชอบแล้วยกคำร้องของจำเลย