แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า เป็นฎีกาโต้แย้งดุลพินิจในเรื่องริบของกลาง ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จึงไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า วีดีโอและเครื่องอะไหล่ไฟฟ้า ทรัพย์ของกลางนั้นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 32 และมาตรา 33 ศาลไม่มีอำนาจที่จะสั่งริบได้ และคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาไม่ริบของกลางทั้งหมด แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ริบเฉพาะวีดีโอและเครื่องอะไหล่ไฟฟ้า เป็นการพิพากษาแก้ไขมากไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 39)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากรพ.ศ. 2469 มาตรา 27 ทวิ ฯลฯ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 ปรับ34,879.68 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ปรับ 17,439.84 บาท สำหรับรถยนต์ของกลางนั้นเห็นว่ามิใช่ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดเป็นเพียงยานพาหนะที่จำเลยใช้เพื่อความสะดวกเท่านั้น จึงไม่ริบ ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ริบวีดีโอ 1 เครื่อง เครื่องอะไหล่ไฟฟ้า 100 ชุด ของกลาง นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 38)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 39)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว จำเลยฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาริบของกลางไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32,33 จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณา