คำสั่งคำร้องที่ 1663/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นถือว่าเป็นที่สุดแล้ว จึงไม่รับฎีกาคำสั่งโจทก์เห็นว่า โจทก์ฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งจำหน่ายคดีชั่วคราวโดยยังมิได้ทำการไต่สวนมูลฟ้องและยังไม่มีการรับประทับฟ้องไว้พิจารณานั้น ย่อมไม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาอันต้องห้ามอุทธรณ์ตามกฎหมาย และการที่ศาลอุทธรณ์ยังมิได้มีคำสั่งว่า ตามเหตุและพฤติการณ์แห่งคดีดังกล่าวสมควรที่ศาลชั้นต้นจะหยิบยกคดีขึ้นพิจารณาต่อไปได้หรือไม่ โปรดกลับคำสั่งศาลล่างทั้งสองศาล ให้ศาลชั้นต้นยกคดีขึ้นพิจารณาไต่สวนมูลฟ้องและมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี
หมายเหตุ จำเลยทั้งเก้าได้รับสำเนาคำร้องแล้ว เฉพาะจำเลยที่ 1 ถึงที่ 8 แถลงคัดค้าน (อันดับ 38,37 แผ่นที่ 3)
มูลกรณีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งนัดไต่สวนมูลฟ้องเฉพาะคดีส่วนอาญา ส่วนคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญานั้นเห็นว่าโจทก์ขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาด้วยซึ่งจักทำให้การพิจารณาคดีอาญาเนิ่นช้าและติดขัด จึงให้โจทก์แยกคดีแพ่งไปฟ้องต่อศาลที่มีอำนาจพิจารณาต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 41
ก่อนวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลเรียกเอาสำนวนคดีอาญาหมายเลขดำที่ 8033/2528 ของศาลอาญา พร้อมถ้อยคำสำนวนและสรรพเอกสารทั้งหมดมาประกอบการพิจารณาคดีนี้โดยผูกติดกันไว้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งลงวันที่ 17 เมษายน 2529 ว่า คดีที่อ้างยังอยู่ในระหว่างการพิจารณา การนำสำนวนมาผูกติดกับคดีนี้จะเป็นการไม่สะดวก จึงให้โจทก์ขอถ่ายเอกสารในสำนวนคดีดังกล่าวที่ประสงค์จะอ้างมาส่งศาลในคดีนี้ ให้ยกคำร้องในวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง โจทก์แถลงว่าคดีอาญาหมายเลขดำที่0033/2528 ระหว่าง พนักงานอัยการ กรมอัยการ โจทก์ โจทก์ในคดีนี้เป็นจำเลยนั้น ยังไม่มีคำพิพากษา ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีนี้เกี่ยวเนื่องมาจากคดีอาญาหมายเลขดำที่ 8033/2528 ของศาลนี้ ให้รอการไต่สวนมูลฟ้องไว้เพื่อฟังผลคดีอาญาดังกล่าวมีคำพิพากษาถึงที่สุดก่อน เมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วให้โจทก์แถลงเพื่อดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป และยังไม่แน่ว่าจะมีคำพิพากษาเมื่อไรจึงให้จำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความชั่วคราวโจทก์อุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้นสั่งว่า คำสั่งของศาลที่ให้รอการไต่สวนมูลฟ้องเพื่อรอฟังผลคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขดำที่8033/2528 ถึงที่สุดก่อนและจำหน่ายคดีชั่วคราว ไม่ใช่คำสั่งจำหน่ายคดีโดยเด็ดขาด ไม่ทำให้ประเด็นแห่งคดีเสร็จไป จึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา และคำสั่งลงวันที่ 17 เมษายน 2529 ที่ไม่นำสำนวนมาผูกติดให้ถ่ายเอกสารมานั้นก็เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาเช่นกัน ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 196 ฯลฯ จึงไม่รับ
ก่อนยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง โจทก์ยื่นคำร้องลงวันที่ 13พฤษภาคม 2529 ขอให้ศาลชั้นต้นหยิบยกคดีนี้ขึ้นพิจารณาไต่สวนมูลฟ้องต่อไปและมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี ศาลชั้นต้นสั่งว่าพิเคราะห์แล้ว ยังไม่มีเหตุจะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ไม่อนุญาตยกคำร้อง
โจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งเฉพาะคำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์เรื่องจำหน่ายคดีชั่วคราวตามอุทธรณ์คำสั่งข้อ 2.1.1,2.1.2 และ2.1.3 ขอให้ศาลอุทธรณ์ยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์คำสั่งของโจทก์ และให้ศาลชั้นต้นหยิบยกคดีขึ้นพิจารณาไต่สวนมูลฟ้องต่อไปและสั่งใหม่ตามรูปคดี
ศาลอุทธรณ์สั่งว่า คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดการไต่สวนมูลฟ้องและให้จำหน่ายคดีเป็นการชั่วคราวเพื่อรอฟังผลคดีถึงที่สุดในคดีอื่น คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ทำให้คดีเสร็จสำนวน ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 196 ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์คำสั่งของโจทก์ดังกล่าวชอบแล้ว ให้ยกคำร้องก่อนยื่นฎีกา โจทก์ยื่นคำร้องลงวันที่ 13 ตุลาคม 2529 ขอให้ศาลชั้นต้นหยิบยกคดีนี้ขึ้นพิจารณาไต่สวนมูลฟ้องต่อไปและสั่งใหม่ตามรูปคดีอีกครั้งหนึ่ง ศาลชั้นต้นสั่งว่า พิเคราะห์ตามรูปคดีแล้ว ยังไม่มีเหตุจะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ยกคำร้อง
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 35)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 36)

คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์โจทก์ คำสั่งนี้เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198 ทวิ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา(ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2517 มาตรา 5 ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาชอบแล้วให้ยกคำร้อง

Share