แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 343, 83 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 341, 83, 91 ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ดังนี้เมื่อความผิดตาม มาตรา 343 ฐานฉ้อโกงประชาชน ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง โจทก์ย่อมต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๖ ถึงวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๒๖ เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยโดยทุจริตได้หลอกลวงประชาชนด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่า จำเลยกับพวกเป็นตัวแทนของบริษัทจัดหาคนงานไปทำงานต่างประเทศ สามารถติดต่อให้คนงานไปทำงานต่างประเทศได้ ซึ่งเป็นเหตุให้ประชาชนหลงเชื่อและมีผู้เสียหายหลายคนเสียค่าสมัครให้จำเลย เหตุเกิดที่ตำบลตลาด อำเภอเมืองมหาสารคาม ตำบลบรบือ อำเภอบรบือตำบลท่าขอนยาง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม เกี่ยวพันกัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑, ๓๔๓, ๘๓ และให้จำเลยคืนเงิน ๒๔๗,๕๐๐ บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑, ๘๓, ๙๑ ให้เรียงกระทงลงโทษจำคุกกระทงละ ๖ เดือน รวมจำคุก ๓ ปี ๖ เดือน ให้จำเลยคืนเงินจำนวน ๒๔๗,๕๐๐ บาทแก่ผู้เสียหายคำขออื่นให้ยก
โจทก์จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามมาตรา ๓๔๓ นั้น ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องในปัญหาข้อเท็จจริงย่อมต้องห้ามมิให้โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๐ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย (แล้วศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑)
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑, ๘๓ จำคุก ๑ ปีและให้จำเลยคืนเงินให้นายสุนทร ทับแสง นายสมสิน ศรีวรรณะ นายประสิทธิ์ แดงรัตน์ และนายสุก ภักดี ผู้เสียหายคนละ ๓๕,๐๐๐ บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยกเสีย