คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2211/2551

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยตกลงทำสัญญาว่าจ้างโจทก์ออกแบบตกแต่งและโฆษณาโครงการโฆษะ คอมเพล็กซ์ และโอเอซิส พลาสซ่าของจำเลย จำเลยให้การรับว่าได้ว่าจ้างโจทก์จริง ดังนั้น การดำเนินการตามสัญญาว่าจ้างของโจทก์แม้จะปฏิบัติตามสัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลย แต่ก็เป็นกรณีที่โจทก์ได้กระทำเพื่อกิจการของจำเลย จึงมีอายุความ 5 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/33 (5) ประกอบมาตรา 193/34 (1)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยตกลงทำสัญญาว่าจ้างโจทก์ออกแบบตกแต่งอาคารและโฆษณาโครงการโฆษะ คอมเพล็กซ์ และโอเอซิส พลาซ่าของจำเลย จำเลยตกลงจะชำระเงินตามใบแจ้งหนี้ภายในเวลา 30 วัน นับแต่วันที่ระบุไว้ในใบแจ้งหนี้ หากเกินกำหนดจำเลยยอมเสียดอกเบี้ยอัตราไม่เกินร้อยละ 15 ต่อปี ระหว่างมกราคมถึงสิงหาคม 2540 โจทก์เริ่มออกแบบและผลิตงานให้แก่จำเลยแล้ว จำเลยนำงานโฆษณาดังกล่าวออกใช้ โจทก์ส่งใบแจ้งหนี้พร้อมใบประเมินราคาเพื่ออนุมัติของเบิกเงินค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามงานที่ทำไป แต่จำเลยไม่ชำระต่อมาจำเลยมีหนังสือยอมรับสภาพหนี้ และขอผ่อนผันการชำระหนี้ออกไป แต่เมื่อถึงกำหนดจำเลยไม่ชำระ จำเลยค้างชำระหนี้รวมเป็นเงิน 1,317,594.19 บาท โจทก์ขอคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับ แต่วันที่ 2 มีนาคม 2540 คำนวณถึงวันฟ้องเป็นเงิน 968,702.46 บาท รวมเป็นเงิน 2,286,296.65 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 1,317,596.19 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยยอมรับว่าเคยว่าจ้างโจทก์ทำการตกแต่งอาคารรวมทั้งว่าจ้างให้โฆษณาในโครงการโอเอซิส พลาซ่าของจำเลยจริง แต่จำเลยชำระค่าจ้างให้แก่โจทก์ทั้งหมดแล้ว ส่วนงานจ้างโฆษณาตามฟ้องเป็นงานที่เกิดขึ้นภายหลัง จำเลยคงค้างชำระโจทก์บางส่วน เหตุที่จำเลยยังไม่ชำระเนื่องจากโจทก์ไม่ยอมดำเนินงานส่วนที่เหลือต่อไป การว่าจ้างระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นสัญญาจ้างทำของมีอายุความ 2 ปี โจทก์ฟ้องคดีเกิน 2 ปี นับแต่วันที่จำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้และเกิน 2 ปี นับแต่วันทำสัญญา คดีจึงขาดอายุความขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 2,286,296.65 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 1,317,594.19 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป (ฟ้องวันที่ 25 มกราคม 2545) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ กำหนดค่าทนายความเป็นเงิน 5,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ประกอบธุรกิจทำโฆษณาให้แก่ลูกค้า จำเลยประกอบธุรกิจประเภทโรงแรม พลาซ่าให้เช่าพื้นที่ เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2539 จำเลยว่าจ้างโจทก์ทำโฆษณาโครงการของจำเลยชื่อโครงการโฆษะ คอมเพล็กซ์ และโครงการโอเอซิส พลาซ่า มีข้อตกลงว่าโจทก์มีหน้าที่ออกแบบโฆษณาโครงการและจัดหาสื่อต่างๆ ตลอดจนอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับการโฆษณาและทำการตรวจสอบสื่อต่างๆ ที่ส่งไปถึงประชาชน ค่าใช้จ่ายที่โจทก์ดำเนินการเกี่ยวกับโฆษณาให้แก่จำเลย จำเลยจะจ่ายคืนตามจำนวนเงินที่เป็นจริง จำเลยมีหน้าที่จ่ายค่าบริการในการโฆษณาให้แก่โจทก์อัตราร้อยละ 17.65 ต่อปี จากค่าใช้จ่ายที่ได้จ่ายไปจริง โดยโจทก์จะทำหนังสือในประเมินราคาส่งให้จำเลยทราบเพื่อขออนุมัติ เมื่อจำเลยอนุมัติแล้วโจทก์จะทำหนังสือใบแจ้งหนี้ให้จำเลยชำระค่าใช้จ่ายภายใน 30 วัน หากผิดนัดยอมเสียดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีโจทก์เริ่มดำเนินการโฆณษาตั้งแต่มกราคมถึงสิงหาคม 2540 หลังจากนั้นโจทก์ทำหนังสือแจ้งประเมินราคาค่าใช้จ่ายแจ้งให้จำเลยทราบทุกเดือน ต่อมาจำเลยอนุมัติตามที่แจ้งไปโจทก์ได้ส่งใบแจ้งหนี้ให้จำเลยทราบรวมเป็นเงินค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการโฆษณาทั้งสิ้น 1,317,594.19 บาท จำเลยขอผ่อนชำระหนี้กับโจทก์ ต่อมาโจทก์มีหนังสือทวงถามไปยังจำเลยให้ชำระหนี้ตามเอกสารหมาย จ.15 จำเลยขอผ่อนชำระหนี้อีก 2 เดือน แล้วจำเลยไม่ชำระ
มีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า คดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่า โจทก์มีวัตถุประสงค์ในการออกแบบอาคารหรือตกแต่งอาคารและโฆษณา การที่โจทก์ออกแบบและตกแต่งอาคารให้แก่จำเลยเป็นไปตามสัญญาจ้างที่โจทก์ทำไว้กับจำเลย โดยระบุไว้ชัดแจ้งถึงขั้นตอน เงื่อนไขการจ้าง และการชำระค่าจ้างการดำเนินงานของโจทก์จึงเป็นไปตามสัญญาจ้าง มิได้เป็นการจ้างให้ผู้รับจ้างทำกิจการให้แก่จำเลย สิทธิเรียกร้องในหนังสือจึงมีอายุความ 2 ปี นั้น เห็นว่า โจทก์ฟ้องจำเลยตกลงทำสัญญาว่าจ้างโจทก์ออกแบบตกแต่งและโฆษณาโครงการโฆษะ คอมเพล็กซ์ และโอเอซิส พลาสซ่าของจำเลย จำเลยให้การรับว่าได้ว่าจ้างโจทก์จริง ดังนั้น การดำเนินการตามสัญญาว่าจ้างของโจทก์แม้จะปฏิบัติตามสัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลย แต่ก็เป็นกรณีที่โจทก์ได้กระทำเพื่อกิจการของจำเลย จึงมีอายุความ 5 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/33 (5) ประกอบมาตรา 193/34 (1) ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความในชั้นนี้แทนโจทก์ 2,000 บาท

Share