แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า เหตุที่จำเลยอ้างมาในฎีกาว่าเป็นข้อกฎหมายนั้นศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยไว้ในคำพิพากษาฎีกาของจำเลยจึงไม่ใช่ฎีกาโต้แย้งคำชี้ขาดของศาลอุทธรณ์ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 จึงไม่รับจำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยในปัญหาว่า ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงตามอุทธรณ์ของโจทก์ที่ไม่ปรากฏในคำฟ้องและในสำนวนคดีมาก่อนแล้วพิพากษาแก้ไขอย่างมากโดยไม่รอลงอาญาแก่จำเลยนั้น เป็นการรับฟังข้อเท็จจริงนอกเหนือคำฟ้องและนอกสำนวนจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายและเป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยต่อไป โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 26)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4,7,26,76 ลงโทษจำคุก6 เดือน ปรับ 1,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 3 เดือน และปรับ 500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลย 4 เดือนจำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือน โดยไม่รอการลงโทษและไม่ปรับ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 22)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 24)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยฎีกาว่าการที่ศาลอุทธรณ์รับฟังอุทธรณ์ของโจทก์ที่กล่าวอ้างว่าจำเลยอาจมีกัญชาไว้เพื่อจำหน่าย เป็นการขัดต่อข้อสันนิษฐานตามกฎหมาย ทั้งยังขัดกับคำฟ้องของโจทก์ที่ฟ้องเพียงมีไว้ในครอบครองนั้น ก็ปรากฏว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแต่เพียงว่าจำเลยมีกัญชาไว้ในครอบครองถึง 15 กรัม คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์มิได้รับฟังข้อเท็จจริงนอกเหนือคำฟ้องและนอกสำนวนดังที่จำเลยกล่าวอ้างในคำร้องนี้เลย ที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้วให้ยกคำร้อง