แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ที่ 11 และที่ 25 อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่ารับอุทธรณ์ของโจทก์ที่ 11,25 เว้นแต่อุทธรณ์ข้อ 3 ซึ่งเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามกฎหมายโจทก์ที่ 11 และที่ 25 เห็นว่า อุทธรณ์ของโจทก์ข้อ 3เป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่จะนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายว่า การเลิกจ้างเป็นธรรมตามกฎหมายแรงงานหรือไม่ จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย มิใช่ปัญหาข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งโปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ข้อ 3 ไว้เพื่อวินิจฉัยต่อไป
หมายเหตุ จำเลยทั้งสองแถลงคัดค้าน (อันดับ 228)
คดีนี้โจทก์ทั้ง 69 คน ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองรับโจทก์เข้าทำงานในตำแหน่งและอัตราค่าจ้างเท่ากับอัตราค่าจ้างในขณะที่เลิกจ้างและชดใช้ค่าเสียหายที่ไม่ได้จ่ายค่าจ้างให้แก่โจทก์ในระหว่างเลิกจ้างนับตั้งแต่วันเลิกจ้างจนถึงวันที่จำเลยรับโจทก์เข้าทำงานโดยคำนวณจากอัตราค่าจ้างที่โจทก์มีสิทธิได้รับในแต่ละเดือน หากไม่อาจบังคับให้จำเลยทั้งสองรับโจทก์เข้าทำงานได้ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชดใช้ค่าเสียหายอันเนื่องมาจากเลิกจ้างไม่เป็นธรรมให้แก่โจทก์ทุกคน คนละ 300,000 บาท ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชดใช้ค่าดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงิน 300,000 บาท นับตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี จากต้นเงินค่าเสียหายประการแรกนับแต่วันเลิกจ้างเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ศาลแรงงานกลางเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องสืบพยานจึงให้งดการสืบพยาน แล้วพิพากษายกฟ้อง
ศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง ให้ย้อนสำนวนไปให้ดำเนินการสืบพยานในประเด็นแห่งคดี แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปความ
ศาลแรงงานกลางได้ดำเนินการสืบพยานในประเด็นแห่งคดีระหว่างพิจารณา ศาลแรงงานกลางได้รวมพิจารณาคดีนี้เข้ากับอีกคดีหนึ่ง โดยเรียกโจทก์ในอีกคดีหนึ่งว่า โจทก์ที่ 70,71และ 72 ตามลำดับ คดีเสร็จการพิจารณา ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ที่ 1-10,12-24, และ 26-72 อุทธรณ์
ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งรับอุทธรณ์ (อันดับ 217)
โจทก์ที่ 11 และที่ 25 อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับบางข้อดังกล่าว (อันดับ 212)
โจทก์ที่ 11 และที่ 25 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 219)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ที่ 11 และที่ 25 ได้กล่าวอ้างว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้ประสบภาวะการขาดทุน แต่ยังมีกำไรสุทธิและกำไรสะสมอยู่จำนวนมาก จำเลยที่ 1 นำข้ออ้างซึ่งไม่เป็นความจริงมาเลิกจ้างโจทก์ กรณีไม่มีเหตุสมควรและเพียงพอที่จะเลิกจ้างโจทก์ได้จึงเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมนั้นศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 ประสบภาวะการขาดทุน วิกฤติการณ์เกี่ยวกับดีบุกล้นตลาดยังคงอยู่ หากดำเนินการต่อไปจำเลยที่ 1 ก็ยังต้องขาดทุนอีก อุทธรณ์ของโจทก์ดังกล่าวเป็นเรื่องโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยข้อกฎหมายว่าการเลิกจ้างโจทก์เป็นการเลิกจ้างเป็นธรรมหรือไม่จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ข้อนี้ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง