คำสั่งคำร้องที่ 248/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า ผู้เสียหายและจำเลยสามารถตกลงกันได้โดยจำเลยยินยอม ชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหายจนเป็นที่พอใจ และผู้เสียหายได้ขอถอนคำร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลดินแดงเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2532 ซึ่งเป็นวันก่อนที่ศาลชั้นต้นจะ อ่านคำสั่งศาลฎีกาให้จำเลยฟัง ดังนั้นเมื่อผู้เสียหายถอน คำร้องทุกข์ในคดีความผิดอันยอมความได้ก่อนคดีถึงที่สุด คดีย่อมเป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) โปรดมีคำสั่งจำหน่ายคดีนี้เสียจากสารบบความด้วย
หมายเหตุ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราหญิงซึ่งมิใช่ภริยาของตน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วางโทษจำคุก 4 ปี ให้นำโทษจำคุก 15 วัน ในคดีหมายเลขแดง ที่ 23478/2527 ของศาลแขวงพระนครเหนือที่รอการลงโทษไว้มาบวก เข้ากับโทษในคดีนี้ เป็นจำคุกจำเลย 4 ปี 15 วัน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับ อ้างว่าเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218(อันดับ 59)
จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกา(อันดับ 60)
ศาลฎีกาสั่งคำร้องและส่งไปให้ศาลชั้นต้นเพื่ออ่านให้คู่ความฟังต่อมาวันที่ 19 มกราคม 2532 ศาลชั้นต้นอ่านคำสั่งศาลฎีกาให้คู่ความฟังแล้ว โดยศาลฎีกาสั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลย(อันดับ 65)
วันที่ 24 มกราคม 2532 จำเลยยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 66)ศาลชั้นต้นนัดพร้อมโจทก์จำเลย และพนักงานสอบสวนแล้วมีคำสั่งว่าแม้ผู้เสียหายไม่ได้มาศาล แต่มีหลักฐานอื่นเพียงพอเชื่อได้ว่าผู้เสียหายได้ถอนคำร้องทุกข์ไปแล้วก่อนอ่านคำสั่งศาลฎีกา จึงถือได้ว่าผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ก่อนคดีถึงที่สุด การอ่านคำสั่งศาลฎีกาภายหลังผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์แล้วจึงเป็นการผิดพลาด ให้เพิกถอนรายงานกระบวนพิจารณาเรื่องการอ่านคำสั่งศาลฎีกานั้นเสีย และให้ส่งสำนวนพร้อมคำสั่งคืนศาลฎีกาเพื่อสั่งต่อไป (อันดับ 69)

คำสั่ง
ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่พิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้เป็นคดีความผิดอันยอมความได้ เมื่อปรากฏว่าผู้เสียหายได้ถอนคำร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนโดยชอบแล้วก่อนที่ศาลชั้นต้นจะอ่านคำสั่งศาลฎีกาให้คู่ความฟังซึ่งคดียังไม่ถึงที่สุด ดังนี้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมเป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) จำหน่ายคดี

Share