คำสั่งคำร้องที่ 2800/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ไม่รับฎีกาโจทก์ เนื่องจากคำสั่งศาลอุทธรณ์เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198 ทวิ ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง มาตรา 4
โจทก์เห็นว่า อุทธรณ์ของโจทก์ข้อ 1.1 ถึง 1.4 ยกเว้นเฉพาะข้อกฎหมายที่ศาลอุทธรณ์สั่งรับแล้ว และอุทธรณ์ข้อ 1.5เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ดังนั้นคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับ ฎีกาคำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์จึง ไม่ชอบด้วยกฎหมายโปรดมีคำสั่งรับฎีกาของโจทก์ด้วย
หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว(อันดับ 171 แผ่นที่ 4)
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341,352 และมาตรา 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าอุทธรณ์ ของโจทก์เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง จึงไม่รับ อุทธรณ์โจทก์ (อันดับ 153)
โจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่าตามอุทธรณ์ของโจทก์ข้อ 1.4 ในส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ทำนองว่า การที่ศาลชั้นต้นสั่งตัดพยาน และงดสืบพยานโจทก์ไม่ชอบนั้น เท่ากับอุทธรณ์ว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานนั้นไม่ชอบด้วย กระบวนพิจารณา จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย ที่ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ข้อดังกล่าวจึงไม่ชอบ ให้รับอุทธรณ์ ส่วนนี้ของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป สำหรับอุทธรณ์ของ โจทก์ตามข้อ 1.1 ถึงข้อ 1.4 ยกเว้นเฉพาะข้อกฎหมายที่ศาลอุทธรณ์สั่งรับแล้วข้างต้นและอุทธรณ์ข้อ 1.5 นั้นโจทก์อุทธรณ์โต้แย้งการใช้ดุลพินิจของศาลในการรับฟัง พยานจึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวง และวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 22 ที่แก้ไขแล้วส่วนอุทธรณ์ของโจทก์ข้อ 1.5 ตอนท้าย ที่ว่าฟ้องโจทก์ยังไม่ขาดอายุความนั้น แม้จะเป็นปัญหา ข้อกฎหมาย แต่ปัญหาดังกล่าวศาลชั้นต้นไม่ได้วินิจฉัย และจำเลยก็ไม่ได้อุทธรณ์ อุทธรณ์ของโจทก์ในส่วนดังกล่าว จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ที่ศาลชั้นต้น ไม่รับอุทธรณ์ชอบแล้ว จึงมีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของ ศาลชั้นต้น (อันดับ 162)
โจทก์ฎีกาคำสั่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 165)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 168)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตาม คำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ส่วนหนึ่ง และมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ส่วนหนึ่ง คำสั่งของศาลอุทธรณ์ ดังกล่าวจึงเป็นที่สุดแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198 ทวิประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวง และวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499มาตรา 4 โจทก์ฎีกาคำสั่งนี้อีกไม่ได้ ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับ ฎีกาของโจทก์ชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ให้ยกคำร้อง

Share