แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นเพื่อให้มีคำสั่งทุเลาการบังคับไว้ชั่วคราวจนกว่าจะมีคำสั่งของศาลอุทธรณ์เกี่ยวกับคำร้องขอทุเลาการบังคับของจำเลย แปลได้ว่าจำเลยมุ่งประสงค์ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้เป็นการชั่วคราว ซึ่งศาลชั้นต้นอาจใช้ดุลพินิจสั่งให้งดการบังคับคดีได้ตามที่เห็นสมควรตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292(2) แต่การบังคับคดีนั้นงดได้เฉพาะการบังคับคดีที่ยังไม่ได้กระทำหรือที่จะต้องกระทำต่อไป จะงดการบังคับคดีที่ได้ปฏิบัติมาแล้วไม่ได้ เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการยึดทรัพย์บางส่วนมอบให้โจทก์ถือว่าการบังคับคดีในส่วนนี้เสร็จแล้ว ศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจสั่งให้งดการบังคับคดีในส่วนนี้ ส่วนทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดียังไม่ได้ยึด ศาลชั้นต้นมีอำนาจให้งดการบังคับคดีได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ส่งมอบอุปกรณ์การแพทย์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์ หากคืนไม่ได้ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันใช้ราคาแทนเป็นเงิน 9,000,000 บาท ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันชำระค่าเสียหายเป็นค่าขาดประโยชน์จำนวน 3,500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 9 มิถุนายน 2541) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์ต่อไปอีกเดือนละ 500,000 บาท เป็นเวลา 12 เดือน
จำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์ โดยขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา
ระหว่างไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้อง ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งทุเลาการบังคับคดีไว้ชั่วคราวจนกว่าศาลอุทธรณ์ภาค 3 จะมีคำสั่งคำร้องขอทุเลาการบังคับของจำเลยที่ 1
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีมีเหตุอันสมควรให้งดการบังคับคดีไว้ชั่วคราวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292(2)
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งให้งดการบังคับคดี และจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้โจทก์นำทรัพย์รายการที่ 1 ถึงที่ 4 และทรัพย์รายการที่ 5 บางส่วนที่โจทก์นำยึดไปแล้วไปติดตั้ง ณ ที่ทำการของจำเลยที่ 1 ในสภาพเดิม
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีมีเหตุผลเพียงพอและจำเป็นจึงให้งดการบังคับคดีของโจทก์ไว้ชั่วคราว แต่เพื่อไม่ให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาต้องเสียหายให้จำเลยทั้งสองวางเงินหรือหลักประกันจำนวน 4,500,000 บาทภายใน 30 วัน นับแต่วันมีคำสั่ง และให้โจทก์นำอุปกรณ์การแพทย์ที่เช่าซื้อรวม 4 รายการ ที่ได้รับมอบการครอบครองแทนเจ้าพนักงานบังคับคดีไปติดตั้ง ณ สถานที่ทำการของจำเลยที่ 1 ภายใน15 วัน เพื่อให้อุปกรณ์การแพทย์สามารถใช้งานได้ตามปกติ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นเพื่อให้มีคำสั่งทุเลาการบังคับไว้ชั่วคราวจนกว่าจะมีคำสั่งของศาลอุทธรณ์เกี่ยวกับคำร้องขอทุเลาการบังคับของจำเลยที่ 1 ตามคำร้อง ฉบับลงวันที่ 19 เมษายน 2543 พอแปลได้ว่าจำเลยที่ 1มุ่งประสงค์ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้เป็นการชั่วคราว ซึ่งศาลชั้นต้นอาจใช้ดุลพินิจสั่งให้งดการบังคับคดีได้ตามที่เห็นสมควร ทั้งนี้ โดยอาศัยอำนาจตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292(2) ไม่เป็นการไม่ชอบหรือเกินคำขอตามที่จำเลยที่ 1 อ้าง แต่การบังคับคดีนั้นงดได้เฉพาะการบังคับคดีที่ยังไม่ได้กระทำหรือที่จะต้องกระทำต่อไป จะงดการบังคับคดีที่ได้ปฏิบัติมาแล้วไม่ได้ เมื่อปรากฏตามรายงานการยึดทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดีว่าได้ดำเนินการยึดทรัพย์รายการที่ 1 ถึงที่ 4 และรายการที่ 5 บางส่วน มอบให้แก่โจทก์ไปแล้ว ถือว่าการบังคับคดีในส่วนนี้เสร็จแล้ว ศาลชั้นต้นจึงไม่มีอำนาจสั่งให้งดการบังคับคดีในส่วนนี้ และให้โจทก์นำทรัพย์ดังกล่าวไปติดตั้งดังเดิมอีกได้แต่ทรัพย์รายการที่ 5 บางส่วน และรายการที่ 6ที่เจ้าพนักงานบังคับคดียังไม่ได้ยึดศาลชั้นต้นมีอำนาจให้งดการบังคับคดีได้ ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งให้จำเลยที่ 1 วางเงินหรือหลักประกันจำนวน4,500,000 บาท ต่ำไปนั้น เห็นว่า เมื่อทรัพย์ที่งดการบังคับคดีคงเหลือแต่รายการที่ 5บางส่วน และรายการที่ 6 หลักประกันดังกล่าวจึงเหมาะสมแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดการบังคับคดีเฉพาะทรัพย์ตามรายการที่ 1 ถึงที่ 4 และรายการที่ 5 บางส่วนที่บังคับคดีเสร็จแล้ว และยกคำขอของจำเลยที่ 1 ที่ขอให้โจทก์นำทรัพย์ดังกล่าวไปติดตั้งตามเดิม นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3